วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557

วิธีลดตัดวิบากกรรมในปัจจุบัน

การลดกรรม 45อย่าง (ควรอ่านอย่างยิ่ง)
มาทำความดี ละเว้นความชั่วกันดีกว่า
1. กรรมที่ไม่มีลูก
กรรมจาก การทำร้ายลูกของสัตว์อื่น พรากสัตว์อื่นจากพ่อแม่หรือเคยข่มเหงลูกคนอื่น
ลดกรรม ด้วยการงดกินเนื้อสัตว์ทุกๆ 7 วัน ในทุกๆเดือนทำบุญปล่อยปลาลงน้ำ ปล่อยนกปล่อยกา ทำบุญบริจาคทานที่มูลนิธิสัตว์หรือ
มูลนิธิเด็กอ่อน
2. เจ็บป่วยบ่อย หรือเป็นโรคร้าย
กรรมจาก เคยทำทารุณกรรมต่อสัตว์
ลดกรรม ด้วยการทำบุญทำทานกับสัตว์อนาถา ให้อาหารให้ความเมตตา ซื้อยาหรือบริจาคเงินที่โรงพยาบาลสงฆ์ ทำบุญปล่อยเต่า
งดกินเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต
3. ตาบอดหรือเป็นโรคตา
กรรมจาก เคยทำร้ายสัตว์ที่ดวงตา หรือไม่เคยทำบุญเติมน้ำมันตะเกียงในชาติก่อน หรือเคยทำลายไฟฟ้าของวัด ของที่สารธารณะ
ลดกรรม ซื้อโคมไฟ หลอดไฟถวายวัด ถวายเทียนห่อใหญ่ ถวายไฟฉาย เติมน้ำมันตะเกียงทุกวันพร! ะ บริจาคเงินในกล่อง
ซื้อน้ำมันเติมตะเกียงที่วัด
4. ถูกรถเฉี่ยวชน ถูกลูกหลง ถูกสัตว์กัดต่อย
กรรมจาก จากเคยเป็นคนพาลเกะกะเกเร หาเรื่องเดือดร้อนให้ผู้อื่น มักรังแกและสาปแช่งผู้อื่นอยู่เสมอ
ลดกรรม หมั่นพูดดี มีวาจาไพเราะ
5. สูญเสียคนใกล้ชิด
กรรมจาก เคยยิงนกตกปลา
ลดกรรม ทำบุญไถ่ชีวิตโค กระบือ งดกินเนื้อสัตว์อย่างน้อยสัก 1 อย่างชั่วชีวิต หรือกินเจทุกๆ 3 เดือน ทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา
6.ถูกนินทา ถูกให้ร้าย
กรรมจาก เคยพูดจาให้เป็นเหตุให้คนอื่นเป็นทุกข์หรือเดือดร้อน
ลดกรรม พิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี พูดดี พูดให้คนอื่นเกิดประโยชน์ พูดให้ผู้อื่นมีความสุข
7. มักเดือดร้อนเพราะไฟ ไฟไหม้บ้าน ไฟดูด
กรรมจาก เคยลบหลู่พระสงฆ์ และศาสนา
ลดกรรม ตักบาตรทุกวันพระ ทำบุญถวายสังฆทานทุกเดือน ฟังเทศน์ฟังธรรมทุกวันพระ หรือทุกๆเดือนในวันพระ ร่วมพิมพ์หนังสือ
ธรรมะแจกจ่ายฟรี
8. ขาดบารมี ไร้ญาติขาดมิตร
กรรมจาก ไม่เคยไปร่วมงานบุญงานศพ
ลดกรรม ร่วมทำบุญงานศพ บริจาคเงิน หรือร่วมด้วยแรงกายช่วยงานอื่นๆในงานศพ เช่นทำอาหาร จัดดอกไม้
9. ตั้งหลักปักฐานไม่ได้ โยกย้ายบ่อย
กรรมจาก ไม่เคยร่วมทำบุญสร้างโบสถ์สร้างวิหาร แก่วัดวาอารามต่างๆ
ลดกรรม ร่วมทำบุญสร้างโบสถ์ สร้างหลังคาวิหาร ร่วมทำบุญฝังลูกนิมิต หมั่นไปไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ณ เมืองที่ตนอยู่อาศัย
10. มักถูกรังแก ถูกเบียดเบียน
กรรมจาก ไม่เคยบวช หรือทำบุญงานบวช
ลดกรรม บวช ด้วยจิตศรัทธาปวารถาอย่างบริสุทธิ์ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝงจะบวช 7 วัน หรือ 15 วัน 1 เดือน 1 พรรษา แล้วแต่
จิตศรัทธา ถ้าเป็นสตรีจะบวชชีพราหมณ์ หรือถือศีล 8 ตามเวลาที่สะดวกและตั้งจิตศรัทธา หรือร่วมทำบุญงานบวชอย่าง
สม่ำเสมอเท่าที่จะทำได้
11.ไม่มีคนชื่นชมเอ็นดู ชาดเสน่ห์
กรรมจาก ไม่เคยถวายของหอม
ลดกรรม หมั่นทำบุญไหว้พระทุกวันพระ ถวายธูปหอม เทียน ดอกไม้สด พวงมาลัย ทองคำเปลว ประน้ำอบน้ำปรุง ประพฤติดี
ปฏิบัติชอบต่อผู้อื่น คิดดี ทำดี พูดดี ให้ผู้อื่นได้ดี มิให้ร้ายผู้ใด
12. เป็นที่รังเกียจ มีกลิ่นปาก กลิ่นตัว
กรรมจาก ทำติเตียนดูแคลน ผู้ที่ชอบทำบุญทำทาน
ลดกรรม หมั่นทำบุญทำทานอย่างสม่ำเสมอ ฟังเทศน์มหาชาติทุกๆปี ชักชวนผู้อื่นให้ร่วมทำบุญหรือบริจาคทานเป็นการบอกบุญผู้อื่น
พิมพ์หนังสือธรรมะจ่ายแจกฟรี
13. ไปไหนมาไหนลำบาก มีแต่อุปสรรค
กรรมจาก เคยทำลายหนทางสัญจรของวัด หรือของชาวบ้าน หรือทำให้ทางสัญจรสาธารณะได้รับความไม่สะดวก
ลดกรรม บริจาคทรัพย์หรือแรงกายช่วงสร้างสะพาน สร้างทางอันเป็นประโยชน์แก่วัด หรือชุมชนเล็กๆ ช่วยผู้คนยากไร้ให้
ได้มียวดยานพาหนะหรือทางสัญจรที่สะดวก
14. เป็นคนรับใช้เขาร่ำไป
กรรมจาก เคยเนรคุณผู้ที่เคยมีพระคุณแก่ตน
ลดกรรม ตอบแทนผู้มีคุณด้วยความกตัญญู ร่วมทำบุญสร้างพระพุทธรูป พระประธาน ทำทานทั้งกับคนและสัตว์
15. ขัดสน อดมื้อกินมื้อ
กรรมจาก เคยละเว้นการใส่บาตร ละเว้นการให้ทาน เมื่อมีคนยากไร้มาขอทานอาหารและน้ำ
ลดกรรม แบ่งปันอาหาร น้ำ เสื้อผ้า แก่คนยากไร้อนา! ถา แม้ไม่มีเงินก็แบ่งปันสิ่งของตามที่มี ตักบาตรทุกเช้าหรือทุกวันพระ
16. อาภัพคู่ ร้างคู่
กรรมจาก เคยผิดลูกผิดเมียเขา
ลดกรรม บวชพระ หรือบวชชีพราหมณ์ ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพงานแต่งงานคู่บ่าวสาวที่ยากจน ถวายของเป็นคู่ เช่น แจกันคู่
เชิงเทียนคู่ หมอนคู่ เป็นต้น
17. ได้คู่ที่เลวร้าย ทำร้ายตนหรือทำให้เป็นทุกข์
กรรมจาก เคยข่มขืนเขาในชาติก่อน เคยทุบตีทำร้ายคู่
ลดกรรม บวชพระ หรือบวชชีพราหมณ์ ทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา
18. อยู่โดดเดี่ยวยามบั้นปลาย
กรรมจาก เคยจับสัตว์ขัง
ลดกรรม ทำบุญปล่อยปลาลงน้ำ ปล่อยนกปล่อยกา ทำบุญทำทานแก่เด็กอนาถาและสัตว์อนาถา
19. รูปร่างหน้าไม่งดงาม
กรรมจาก ไม่เคยถวายดอกไม้ของหอม
ลด??รรม ถวายพวงมาลัยดอกไม้สด ดอกไม้หอม ทำบุญบริจาคดวงตา บริจาคร่างกายให้โรงพยาบาล
20. มักถูกโกง ถูกเบี้ยวเงิน
กรรมจาก เคยคดโกงผู้อื่น!
ลดกรรม สละทรัพย์บริจาคร่วมการกุศลต่างๆ ทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน อุทิศส่วนกุศลแก่เจ้ากรรมนายเวรทุกๆเดือน
21. พิการ ร่างกายไม่สมประกอบ
กรรมจาก เคยทุบตีพ่อแม่ ด่าพ่อแม่ หรือทำร้ายพ่อแม่
ลดกรรม หมั่นทำบุญไหว้พระ ปล่อยนกปล่อยปลา ถือศีล 5 ศีล 8 เจริญภาวนา นั่งวิปัสสนากรรมฐาน
22. มีคดีความ
กรรมจาก เคยพบคนทุกข์ร้อนแล้วไม่ช่วยหรือพยายามหาทางช่วยเหลือ
ลดกรรม หมั่นทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา นั่งสมาธิ เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ถือศีล 8 ทุกๆ 3 เดือนๆละ 7 วัน
23. ไร้ที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
กรรมจาก ไม่สงเคราะห์คนอนาถา ที่มาขออาหาร ขอชายคาหลบฝน ไม่มีน้ำใจช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก
ลดกรรม ร่วมทำบุญซื้อกระเบี้องหลังคาโบสถ์ หมั่นไปกราบไหว้บู! ชาศาลหลักเมือง ทำบุญทำทานแก่สัตว์พิการหรือสัตว์จรจัด
24. จิตใจขุ่นมัว ดุดัน ขี้โมโห
กรรมจาก มักตะหนี่ในการทำบุญ
ลดกรรม สวดมนต ์ไหว้พระ ทุกวันพระ ฝึกวิปัสสนากรรมฐาน ถือศีล 5 หรือศีล 8 ทุกๆ 3 เดือน บริจาคทาน แบ่งปันเงินทองหรือ สิ่งของแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก หรือร่วมทำบุญบริจาคทานกับมูลนิธิสถานสงเคราะห์ และวัดวาอารามต่างๆ
25. ไม่มีชื่อเสียง
กรรมจาก เคยติฉินนินทาทำให้ผู้อื่นเสียหาย
ลดกรรม ร่วมทำบุญสร้างหอระฆัง ร่วมทำบุญหล่อเทียนพรรษา ทำทานกับคนยากไร้ และสัตว์อนาถา
26. ไม่มีวาสนาบารมี
กรรมจาก ไม่เคยนับถือชื่นชมผู้นับถือธรรมมะ
ลดกรรม ทำบุญสร้างพระพุทธรูป ทำทานกับคน
27. มีลูกหลานไม่ดี เกเร ไม่เชื่อฟัง
กรรมจาก ทำแท้ง เคยทำร้ายคนใกล้ชิดมาก่อน และทำร้ายจิตใจครอบครัวในชาติก่อน
ลดกรรม บวชเณร โดยให้ลูกบวชหรือไปร่วมบวช จะทำให้กรรมน้อยลง ปฏิบัติธรรม อุทิศให้ลูกตนเอง
28. เจอแต่คนเอาเปรียบ
กรรมจาก เคยเบียดเบียนเงินพ่อแม่ไว้ในอดีตชาติ เคยโกงคนไว้ในอดีตชาติ ขโมยเงินครอบครัวมาใช้
ลดกรรม หมั่นยึดถือศีล 5 ให้มั่น ไม่ดื่มเหล้า ทำให้ขาดสติ โดนโกงง่าย หมั่นสวดมนต์ อธิษฐานบารมีด้านขอพรให้พบเจอคนดีๆเข้ามาในชีวิต
29. เกิดในสกุลต้อยต่ำ
กรรมจาก โอหัง อวดดี จิตใจคับแคบ
ลดกรรม ร่ว??ทำบุญสร้างวัด สร้างพระประธาน ทำบุญทำทานกับคนยากไร้ และสัตว์อนาถา พิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี
30. ไร้สง่าราศี ขาดวาสนา
กรรมจาก เคยเมาสุระอาละวาด ระรานผู้อื่น!
ลดกรรม นั่งสมาธิ ฝึกกรรมฐาน ทำทานกับคนอนาถา และสัตว์อนาถา ร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี
31. ไม่เจริญก้าวหน้า จิตใจเป็นทุกข์
กรรมจาก เคยชักจูงคนทำชั่ว
ลดกรรม ถือศีล 8 เป็นเวลา 7 วัน ทุกๆ 3 เดือน หมั่นทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน
32. จิตใจฟุ้งซ่าน เป็นทุกข์
กรรมจาก เคยริษยาผู้อื่น
ลดกรรม ทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน ปล่อยปลาลงน้ำ นั่งสมาธิ สวดมนต์บทคาถาพระชินบัญชร
33. ชีวิตตกต่ำ ทำสิ่งใดไม่เจริญ
กรรมจาก เคยทำแท้ง
ลดกรรม ปล่อยปลาลงน้ำทุกๆเดือน จนครบ 9 เดือน หรือ 1 ปีเต็ม ถวายสังฆทาน ทำบุญใส่บาตรเสมอ
34. เป็นเมียน้อย เมียเก็บ
กรรมจาก เคยผิดลูกผิดเมียเขามาก่อน ขืนใจเขาโดยไม่ยินยอม เคยอธิษฐานจิตร่วมกันมาว่ากี่ภพก็ขอให้ได้ใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน
ลดกรรม ถวายธงคู่ ธูปคู่ เชิงเทียนคู่ หมอนคู่ อย่างใดก็ได้ อธิษฐานจิตขอให้ชีวิตคู่ที่ดีขึ้น บวชชีพราหมณ์ ปีละ 1 ครั้ง 3 วัน อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่เคยล่วงเกินให้ได้รับกุศลและเปิดทางให้ชีวิตคู่ดีขึ้น ร่วมเป็นเจ้าภาพงานแต่ง เพื่อชีวิตตนจะดีขึ้นและสมหวัง สวดมนต์ขอพรทุกวันเกิดด้านความรักให้สมหวังต่อไป ทำบุญสังฆทานสด ในวันเกิดตนเอง เดือนละครั้ง เพื่ออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติปัจจุบันชาติและวิญญาณที่ตามมาให้ได้รับกุศลและอโหสิกรรม
35. เป็นทุกข์เพราะคนในครอบครัว
กรรมจาก เคยลำเอียง ไร้คุณธรรมในด้านครอบครัวไว้ก่อน เคยเอารัดเอาเปรียบคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดไว้ในชาติอดีตและชาติปัจจุบัน เคยทำให้ครอบครัวเขาแตกแยกในอดีตชาติ
ลดกรรม ต้องบวชชีพราหมณ์ เพราะเมื่อเกิดอีกภพชีวิตจะได้ดีมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะกุศลของการบวช ปฏิบัติธรรมทำให้เจ้ากรรมนายเวร อโหสิกรรม และตนเองได้พบสิ่งที่มีกุศลมากขึ้น ยึดพรหมวิหาร 4 มี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จะทำให้ชีวิตมีความเมตตา และไม่ลำเอียงเอารัดเอาเปรียบคนใกล้ชิด ทำให้วิถีชีวิตมีคนนับถือและพ้นจากความทุกข์ในเรื่องญาติพี่น้องยุ่งเกี่ยวได้ นำพระคู่บ้านคู่เมืองเข้าสักการะที่บ้าน และสวดมนต์ขอพรให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข
36. เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต
กรรมจาก ฆ่าสัตว์ ทรมานสัตว์ ทำร้ายคนไว้ในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ
ลดกรรม ตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติปัจจุบันชาติ รวมถึงสรรพสัตว์ทั้งหลายให้ได้กุศลและอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ปล่อยสัตว์ลงน้ำในวันเกิดตนเอง กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรได้รับและอโหสิกรรม ถวายยาเข้าวัด
หรือช่วยเหลือคนป่วย
37. เป็นมะเร็ง
กรรมจาก รู้เห็นเป็นใจกับการทำแท้ง การทารุณสัตว์ หรือการทำร้ายเบียดเบียนผู้อื่น
ลดกรรม ทำบุญใหญ่อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร และบวชชีพราหมณ์ 1 เดือน เพื่อส่งกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรม
ทำบุญสร้างพระพุทธรูป สร้างโบสถ์หรือสร้างศาลาวัด ร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี หมั่นนั่งสมาธิ ฝึกกรรมฐาน
38. ค้าขายขาดทุน ทำงานไม่ก้าวหน้า
กรรมจาก เคยลบหลู่เจ้าที่เจ้าทาง
ลดกรรม หมั่นทำบุญใส่บาตร ถวายสังฆทาน ถวายเครื่องเซ่นสังเวย เจ้าที่-เจ้าทาง หมั่นสวดมนต์บทคาถาพระชินบัญชร
39. ด้อยปัญญา
กรรมจาก ฝักใฝ่อบายมุขในชาติก่อน หรือชักชวนคนไปทำชั่ว ดูแคลนหลักธรรมมะ
ลดกรรม พิมพ์หนังสือธรรมะจ่ายแจก ทำบุญทำทานกับโรงเรียนของเด็กพิการหรือตามมูลนิธิต่างๆ
40. ตกงาน
กรรมจาก เคยกลั่นแกล้งผู้อื่นในเรื่องงาน หรือแย่งงานผู้อื่น
ลดกรรม หมั่นทำบุญทำทาน ร่วมงานบุญต่างๆ ปล่อยนกปล่อยปลา
41. ไม่มีโชคลาภ
กรรมจาก ไม่เคยสวดมนต์ไหว้พระ
ลดกรรม หมั่นทำบุญสวดมนต์ไหว้พระ ถวายธูป เทียน ดอกไม้สด พวงมาลัย และทองคำเปลว
42. เรียนไม่จบ การเรียนมีอุปสรรค
กรรมจาก ชาติก่อนปฏิเสธการฟังเทศน์ฟังธรรม
ลดกรรม หมั่นเข้าวัด ร่วมงานบุญต่างๆ ฟังเทศน์ อ่านหนังสือธรรมะ
43. มีอาชีพต้อยต่ำที่ผู้คนดูแคลน
กรรมจาก ชาติก่อนเคยบวชด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์ ไร้ความศรัทธา อาศัยผ้าเหลืองหากิน
ลดกรรม ถือศีล 5 ศีล 8 นั่งสมาธิ ฝึกกรรมฐาน ถวายสังฆทานทุกเดือน หรือทุก 3 เดือน
44. ครอบครัวยากจน
กรรมจาก ชาติก่อนไม่เคยบริจาคทาน
ลดกรรม หมั่นทำบุญด้วยการบริจาคทาน ถ้ามีเงินไม่มากก็บริจาคเป็นสิ่งของ แรงกาย หรือน้ำใจ ต่อผู้ตกทุกข์ได้ยาก เช่น ไปช่วยอ่านหนังสือให้มูลนิธิคนตาบอด
45. เป็นทุกข์เพราะความรัก
กรรมจาก ชาติก่อนเจ้าชู้ หลอกผู้อื่นให้อกหัก
ลดกรรม ประพฤติดีปฏิบัติดีทั้งความคิด กาย วาจา ใจ ร่วมทำบุญงานแต่งงาน ทำสิ่งดีๆให้คนอื่นได้สมรักสม
อ่านให้จบเพราะ จุดเด่นอยู่ที่ข้อ 19 ค่ะ
กฏแห่งกรรม
1. เหตุใดคุณ??มีเสื้อผ้าแพรพรรณอันงดงามสวมใส่มากมาย
เพราะชาติก่อนคุณเคยถวายจีวรแด่พระสงฆ์
2. เหตุใดชาตินี้คุณมีอาหารดีดีรับประทานอยู่เสมอ
เพราะชาติก่อนคุณเคยทำทานอาหารแก่คนยากจนในชาติก่อน
3. เหตุใดชาตินี้คุณอดอยากยากจน ไม่มีเสื้อผ้าดีดีสวมใส่
เพราะคุณตระหนี่ขี้เหนียวไม่ยอมทำทานคนจน ในชาติก่อน
4. เหตุใดชาตินี้คุณมีบ้านเรือนให­ญ่โต
เพราะคุณเคยถวายข้าวสารเข้าวัดในชาติก่อน
5. เหตุใดชาตินี้คุณมีความเจริ­ญรุ่งเรืองและมีความสุขมาก
เพราะคุณเคยถวายเงินสร้างวัดในชาติก่อน
6. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนสวย และรูปงาม
เพราะคุณเคยถวายดอกไม้สดบูชาพระด้วยความเคารพในชาติก่อน
7. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องมีปัญญาดี
เพราะคุณเคยเป็นพุทธมามกะและทานมังสวิรัติในชาติก่อน
8. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นที่รักของทุกๆ คนและมีเพื่อนมากมาย
เพราะคุณเคยสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อทุกคนในชาติก่อน
9. เหตุใดชาตินี้คุณมีพ่อ แม่อยู่พร้อมหน้า
เพราะคุณเคารพและให้ความช่วยเหลือ ไม่ดูแคลนคนไร้­ญาติในชาติก่อน
10. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นเด็กกำพร้า
เพราะคุณเคยยิงนก ตกปลา และพรากสัตว์ในชาติก่อน
11. เหตุใดชาตินี้คุณมีอายุยืนแข็งแรง
เพราะคุณเคยปล่อยนก ปล่อยปลา สิ่งมีชีวิตในชาติก่อน
12. เหตุใดชาตินี้คุณอายุสั้น
เพราะชาติก่อนคุณเคยฆ่าสัตว์มากมาย
13. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนรับใช้
เพราะชาติก่อนคุณเคยดูถูกเหยียดหยามคนจน
14. เหตุใดชาตินี้คุณมีด??งตาสดใส
เพราะชาติก่อนคุณเคยเติมน้ำมันตะเกียงและจุดไฟบูชาพระ
15. เหตุใดชาตินี้คุณโง่ปั­­ญญาอ่อนและหูหนวก
เพราะชาติก่อนคุณเคยด่าว่าและหยาบคายต่อหน้าพ่อแม่
16. เหตุใดชาตินี้คุณต้องตายเพราะยาพิษ
เพราะชาติก่อนคุณเจตนาวางยาในต้นน้ำลำธารให้เป็นพิษ
17. เหตุใดชาตินี้คุณจึงแขวนคอตาย
เพราะชาติก่อนคุณใช้ตะข่ายล่าและดักสัตว์
18. ถ้าชาตินี้คุณฆ่าเขา
ชาติหน้าเขาก็จะฆ่าคุณ และจะฆ่ากันไป-มาไม่มีสิ้นสุด
19. ถ้าชาตินี้คุณบอกเล่ากฏแห่งกรรม
คุณจะเป็นที่เคารพนับถือมากมายในชาติหน้า
-----------------------------------
คุณธรรมนำการค้า
Line id : happyphonembk
www.happyphonembk.com จำหน่ายโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน,แท็บเล็ต,ราคาถูกสุดๆๆ รับซื้อโทรศัพท์มือถือให้ราคาสูง มีบริการผ่อนสินค้า ผ่อนผ่านบัตรเครดิต บัตรอีออน หรือบัตรเฟิร์สช้อยส์ จำหน่ายในราคาขายส่งจากมาบุญครอง พร้อมรับเครื่องได้เลยทันที จัดส่งสินค้าทั่วประเทศและมีบริการจำหน่าย Case สมาร์ทโฟน,แท็บเล็ต ชั้นนำคุณภาพสูงที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก
ติดตามอัพเดทราคาสินค้าทุกวันได้ที่หรือพูดคุยสอบถาม
Email: happyphonembk@gmail.com ได้ที่www.facebook.com/happyphonembkfanpage ก ด L i k e มั่นใจเครื่องใหม่ 1 0 0 %

วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2557

15 ความจริงเรื่อง " การเงิน " ที่คนไทยต้องรู้ !

เรื่องที่ 1 : ทันทีที่เด็กรู้จัก การบวก ลบ เลขเป็น ผู้ปกครองต้องรีบสอนเรื่องการเงินแบบง่าย ๆ ให้เด็กได้ทันที ไม่ต้องรอให้โตเป็นผู้ใหญ่ สอนให้เค้ารู้จัก การออมเงิน คุณค่าของเงิน การประหยัดมัธยัสถ์ ตั้งแต่เด็ก ๆ ให้เป็นนิสัย อย่างรอให้โตเป็นวัยรุ่นก่อนแล้วค่อยสอน เพราะอาจจะไม่ทันกับพฤติกรรมการใช้เงินของเด็ก และการยากในการอบรมสอนเรื่องพวกนี้ในวันข้างหน้า


เรื่องที่ 2   คนโดยทั่วไปมักจะมีวิธีลดหย่อนภาษีอย่างชอบธรรม และวิธีการส่วนใหญ่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น การซื้อประกัน การซื้อกองทุนต่าง   ๆ  เพื่อไปลดหย่อนภาษี หรือแม้แต่บริษัทองค์กรใหญ่ ๆ ก็มักจะนำเงินบางส่วนออกมาช่วยบริจาคตามองค์กรการกุศลเพื่อนำไปลดหย่อนภาษี ได้เป็นอย่างดี ซึ่งไม่ได้บอกว่าผิด แต่เป็นกระบวนการที่ถูกต้องในการลดการจ่ายภาษีเท่านั้นเอง คนไทยไม่รู้ มักจะไม่เข้าใจ และไม่เคยหาคำตอบว่าทำไม ต้องจ่ายภาษีแพง ๆ ทุกปี

เรื่องที่ 3   ระบบการสอนเรื่องการเงิน การออม ของการศึกษาไทย นั้น ไม่มีและยังไม่มีวี่แวว จะถูกบรรจุเข้าไว้ในระบบการศึกษาไทยเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นส่วนที่สำคัญสำหรับเด็กไทย และอนาคตของเยาวชนไทยด้วยซ้ำ !! น่าเศร้าตรงที่ เด็กไทยที่ผ่าน ๆ มาต้องโตขึ้นมา โดยเรียนรู้เรื่องการเงินเอาเองตอนเป็นผู้ใหญ่ และบางครั้งก็ไม่ทันกับสถานการณ์ เพราะบางคนเป็นหนี้หัวโต การเงินติดลบตัวแดง แทบล้มละลาย ไม่สามารถทำอะไรต่อไปได้ เพราะเพิ่งจะมาเข้าใจตอนเป็นผู้ใหญ่ และต้องใช้เวลาในการจัดการหนี้สินให้จบ  ทำไมการศึกษาไทยบ้านเราไม่บรรจุ สิ่งเหล่านี้ไปไว้ในบทเรียนเพื่อสอนให้เด็ก ๆ ของเรา เติบโตขึ้นมาพร้อมกับความรู้ทางการเงิน ไม่ใช่แค่เรียนเพียงบัญชี อย่างเดียว !!!

เรื่องที่ 4       เงินออม เป็น "ต้นน้ำ" ที่สำคัญที่จะขาด ไม่ได้เลยสำหรับการมีความมั่งคั่งในด้านการเงินต่อไปในอนาคต เงินออมเกิดขึ้นได้โดย การมี "วินัย " อย่าง " สม่ำเสมอ " .... กับพฤติกรรมการใช้เงิน กล่าวคือ ใช้จ่ายเงินเฉพาะเรื่องที่จำเป็น รู้จักประหยัด ไม่สุรุ่ยสุร่ายจ่ายเงินอย่างโงเขลาในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องทำเป็นนิสัย เมื่อมีเงินออมแล้ว นำไปลงทุนต่อ ทำให้เกิดการ ออกลูกออกหลาน ของเงินออม และนำเงินที่ได้ ไปลงทุนต่อให้ให้เกิดการพอกพูนของความมั่งคั่งต่อไปเรื่อย ๆ

เรื่องที่ 5      ความมั่งคั่ง ควรมีก่อน ความมั่นคง ... โดยพฤติกรรมส่วนใหญ่ของคนไทย ชอบที่จะมีความมั่นคงก่อน ความมั่งคั่ง นิสัยคนไทยเราชอบอะไรที่สะดวก สบาย จ่ายเงินซื้อความมั่นคงให้ตัวเองก่อนเพราะคิดว่านี้คือรางวัลของการทำงาน หนัก เช่น ซื้อบ้าน มือถือใหม่ ๆ รถหรู ๆ  ซื้อสิ่งของแพง ๆ หรือแม้แต่เลือกที่จะผ่อนจ่ายสบายๆ ไม่มีดอกเบี้ย เพื่อให้ตัวเองครอบครอง สมบัติ สิ่งของ ที่บางครั้งไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวเอง ... ไม่ได้บอกว่าผิดถ้ารู้จักการบริหารเงินเป็น แต่บางคนเลือกที่จะไม่ ออมเงินไว้ก่อน เพื่อความสร้างมั่งคั่ง แล้วควรจะมีอิสระในการซื้อ ความมั่นคงทีหลัง ....

เรื่องที่ 6      บัตรเครดิต เป็นเครื่องมือทางการเงินของคนที่รู้จักใช้มัน ให้กลายเป็น ทาสที่ดีของการบริหารเงิน แต่สำหรับคนที่ไม่รู้จักการรใช้บัตรเครดิต มันจะกลายเป็นปีศาจที่ทำให้คนใช้กลายเป็น " ทาสดอกเบี้ย"  มันทันที เพราะดอกเบี้ยจะเป็นตราบาปที่เกาะติดผู้นั้นไปยาวนาน กว่าจะใช้หนี้ได้หมด อาจจะทำให้ผู้ใช้บัตรเครดิตบางคน กลัว และขยะแขยง  " บัตรเครดิต " ไปอีกนาน แสนนาน บางคนถึงกับหักหรือตัดบัตรเครดิตให้เสียไปเลย เพื่อไม่ต้องมีโอกาสได้ใช้มันอีก  นั้นอาจจะไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีนัก เพราะอย่างที่บอกว่า ถ้าใช้บัตรเครดิตให้ถูกวิธี มันจะกลายเป็น  " เครื่องมือ "  ทางการเงินที่ดีอันหนึ่ง

เรื่องที่ 7      เราต้องการเงิน เพื่อสำหรับการใช้จ่ายสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต และเราก็ควรหาหนทางเพื่อให้ได้มันมาอย่างถูกต้อง ไม่ทำร้ายหรือรบกวนคนอื่น  แต่เงินโดยตัวมันเอง " ไร้คุณค่า"  มันคือสิ่งสมมติให้มีมูลค่าในการแลกเปลี่ยนกับสิ่งอื่น ๆ คุณค่าของเงินเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราได้ใช้เงินในการแลกเปลี่ยนกับสื่งอื่น ๆ เรื่องนี้สำคัญมาก ก็เพราะว่าคนมากมายไม่เข้าใจ ว่าจริง ๆ แล้วพวกเขาต้องการมันมากแค่ไหน ดังนั้นควรมองว่า เงินเป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้สิ่งที่คุณต้องการ ( ในสิ่งที่ดี ) แต่ไม่ใช่เป้าหมายโดยตัวมันเอง ... เพราะหากมองเงินเป็นเป้าหมายใหญ่ในชีวิต คุณจะทำทุกอย่างให้ได้มันมามากที่สุด แล้วก็ไม่เคยพอ ซะที

เรื่องที่ 8       สถาบันการเงินทั้งหลายของไทยเรา  มักจะมีเงื่อนไข ที่เอาเปรียบเสมอกับลูกค้า โดยกำหนดสัญญาค่อนข้างเอาแต่ได้ไปหน่อยทำให้ ลูกค้าที่ใช้บริการซึ่งไม่เข้าใจ " ภาษาการเงิน"  ที่ระบุไว้ในสัญญาค่อนข้างเสียเปรียบ... ทำให้เวลามีปัญหา มักจะตกเป็นรองเสมอกับ  ดังนั้น ก่อนทำสัญญาซื้อขาย ขอสินเชื่อ ซื้อประกัน หรือทำสัญญาจำนอง แม้แต่ทำบัตรเครดิตกับสถาบันการเงินทุกที่ ต้องอ่านและเข้าใจในเงื่อนไขให้ดีเสมอ อย่าประมาท เพราะท่านจะโดนเงื่อนไขที่บอกว่า  " ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วง หน้า"  หรือ  เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด  หรือแม้แต่ข้อความที่ระบุ ให้ผู้ลงนาม ยินยอมรับรู้ และให้ไปเป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญานั้นทุกประการ  จงระวังให้ดี !!!!!

เรื่องที่ 9       ค่าของเงินลดลงเรื่อย ๆ เงินเฟ้อมีอยู่จริง แม้มองไม่เห็นด้วยสายตา แต่สัมผัสได้เสมอ มาทุกยุค ทุกสมัย  ไม่ต้องค้นหาคำตอบว่าทำไม หรือจะป้องกันยังไง  ทางเดียวเท่านั้นคือ เอาชนะเงินเฟ้อด้วยการลงทุน และออมเงินเก็บสำรองไว้สำหรับเรื่อง "ฉุกเฉิน" ให้เพียงพอ ...  ค่าครองชีพในอนาคตสูงกว่านี้แน่นอน สังเกตจาก ราคาข้าวแกงทุกวันนี้ ราคา 20-30 บาท หาแทบไม่ได้แล้ว  หรือแม้แต่ทุกอย่างเวลามันขึ้น มันขึ้นยกแผง อาหาร ค่าพลังงาน ค่าเดินทาง ค่าทางด่วน ค่ายารักษาโรค ราคากระดาษ ราคาวัตถุดิบ

เรื่องที่ 10          สถาบันการเงินในปัจจุบันทั้งในระบบและนอกระบบ ส่งเสริมให้คนไทยสร้างหนี้เพิ่มขึ้นในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะหนี้สินสำหรับการบริโภคผ่านบัตรเครดิตและสินค้าเงินผ่อนทั้งหลาย โดยเฉพาะ 0% ( ไม่ได้บอกว่าไม่ดี มันขึ้นอยู่กับคนใช้สินเชื่อมากกว่า ว่ามีวินัยแค่ไหน )  ซึ่งต้องเข้าใจว่าหนี้สินเหล่านี้ไม่ได้ช่วยให้คนมีรายได้เพิ่มหรือมี ความสามารถในการชำระหนี้เพิ่มขึ้นในอนาคต บัตรเครดิตสามารถผ่อนมือถือ ค่าสมาชิกฟิตเนส  ค่าเทอมการศึกษา ผ่อนทองคำ   ผ่อนอะไรก็ได้ที่ เป็นการใช้จ่ายได้แทบทุกอย่าง !!! ปัญหาหนี้สินของภาคประชาชนส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากความไม่เข้าใจเรื่องเงินของ คนไทยและปัญหาเหล่านี้เป็นต้นตอที่สำคัญของปัญหาความเลื่อมล้ำ และบั่นทอนให้สังคมไทยอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ....
เรื่องที่ 11        ก่อนที่จะลงทุนอะไรก็ตาม โดยเฉพาะเรื่องการเงิน  สำคัญที่สุดคือ ลงทุนกับตัวเอง ในการหาความรู้ เรื่องการเงินให้เพียงพอ และรอบด้าน ก่อนที่จะลงมือทำอะไรลงไปกับ "เงินออม" ของเรา  อย่าไปตามกระแส อย่าให้ความโลภ เข้าครอบงำสติ ทำให้ขาดการพิจารณาเรื่องการลงทุน และการเดิมพันกับเงินออมของตัวเอง  ฉะนั้น เรื่องการเงิน หากไม่รู้ ก็ให้หาหนังสือมาอ่าน เข้าอบรม สอบถามผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ ค้นหาเอาจาก อินเตอเนท  ทำทุกอย่างให้ตัวเองมีความรู้ในระดับที่ จะมองภาพกว้าง ๆให้เห็นว่า ตัวเองควรลงทุนอย่างไร ให้เข้ากับ ไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ให้มากที่สุด แล้วชีวิตการเงินของคุณจะมีความสุข ......


เรื่องที่ 12       การยืมเงิน เป็นสาเหตุหลักของการ ผิดใจกัน ระหว่างเพื่อนฝูง คนรัก ครอบครัว พี่น้อง การยืมเงินควรเป็นทางเลือกสุดท้ายจริง ๆ เมื่อถึงทางตัน โดยต้องรับผิดชอบต่อ หนี้สินที่ตัวเองก่อขึ้นกับคนรู้จัก การยืมเงินกับคนใกล้ชิด บ่อยครั้ง เป็นการพิสูจน์ใจของกันและกัน ระหว่างผู้ให้ยืม กับผู้ขอยืมเงิน  ซึ่งส่วนใหญ่คนมักจะไม่อยากคุยเรื่องนี้ ไม่อยากให้ใครมายืม แต่บางครั้งด้วย บทบาทหน้าที่ในสังคม ทำให้จำเป็นต้องให้ยืม ฉะนั้น ผู้ยืม ทุกท่าน โปรดอย่าทำร้ายความน่าเชื่อถือของคุณเอง ด้วยการจ่ายล่าช้า หรือ เบี้ยวชำระหนี้ หากไม่มีจะจ่าย หรือจะขอเลื่อนการจ่าย กรุณาแจ้ง เจ้าของเงินให้ทราบด้วยถึงสาเหตุ  เพื่อให้ตัวเองมีเครดิต สำหรับเรื่องนี้ ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อมิตรภาพที่มีต่อกัน เรื่องนี้สำคัญมาก ๆ ..........


เรื่องที่ 13        สำหรับการเงินของคนวัยทำงาน ซึ่งยังมีงานทำ และสามารถหารายได้อยู่ จงอย่าประมาท ในเก็บเงินออมไว้ยามฉุกเฉิกของชีวิต ซึ่งไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น โดยทั่วไป คือ ควรจะมีเงินออมสำรองสำหรับ ค่าใช้จ่ายรายเดือน  6 - 10 เดือนล่วงหน้า เก็บไว้ก่อนเลย  และมีเงินสดสำรอง Cash flow ไว้หมุนเวียนพร้อมใช้สำหรับตัวเองในแต่ละเดือน  แต่ละเดือนที่หามาได้ เก็บออมไว้ 10 % ก่อน  จากนั้น เหลือเท่าไหร่ ก็ค่อยใช้จ่ายตามกำลังที่มี ทำแบบนี้ได้ทุกเดือน ชีวิตจะมีความสุข หากมีเงินเดือนมากขึ้น สามารถเก็บออมไว้เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ยิ่งดี อย่าไปคาดหวังว่า รัฐบาลจะมาอุดหนุนช่วยเหลือยามแก่ชรา เลิกฝันหวานไปได้เลย เพราะกองทุนประกันสังคม ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของคนทำงานแน่ ๆ  และอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ แต่โดน ละเลยมากที่สุดก็คือ การทำประกันชีวิต หรือประกันสุขภาพไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยงในอนาคต หลายคนมัวแต่ทำงานหนัก มุ่งเน้นลงทุน ลืมใส่ใจสุขภาพ และอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ ปลายทางเอาเงินที่หามา จ่ายให้หมอซะงั้น !!  ฉะนั้น เรื่องประกันชีวิตสำคัญอย่าลืม !!


เรื่องที่ 14     สำหรับหนี้ก้อนโต ที่หลายคนมีอยู่ และอยากจะปลดหนี้ แต่ไม่กล้าเผชิญหน้าความจริงของชีวิต ขั้นตอนแรกหากอยาก ปลดหนี้  จริง ๆ จงกล้ายอมรับความจริง และทำรายการหนี้สินทั้งหมด ( ขอย้ำ ว่าทั้งหมด และแจกแจงรายละเอียดให้มากที่สุด เพื่อให้เห็นภาพรวมของหนี้สินที่มี ) แล้วจัดอันดับว่าควรจ่ายก้อนไหน ก่อนหลัง ตามลำดับความสำคัญ.. เจรจาต่อรองเจ้าหนี้ ขอ Refinance หรือจะ ขายของที่มีอยู่ เช่น  รถยนต์ ทอง ของสะสม อะไรที่ตัวเองมี แล้วตัดใจขายได้ เพื่อเอาเงินมาชำระหนี้ได้ ต้องตัดใจทำ เพื่อลดภาระดอกเบี้ย ... จากนั้น พยายามหาช่องทางรายได้เพิ่ม และอย่าก่อหนี้เพิ่ม จากที่มีอยู่ ที่สำคัญ ห้ามเอากดเงินสดจากบัตรเครดิตมาโป๊ะหนี้สินเดิมเด็ดขาด เพราะจะทำให้วรจรหนี้ เพิ่มขึ้น และยุ่งยากในการจัดการ ต้องมีวินัยอย่างเด็ดขาดกับตัวเอง ..........

เรื่องที่ 15       " เงินทองเป็นของนอกภาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้ "    เป็นเรื่องที่ถูกต้องครึ่งหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้ เงิน ในการขับเคลื่อนทุกกิจกรรมของชีวิต เงินมีความสำคัญและทวีความจำเป็นตามกลไกลของโลกทุนนิยมที่เข้มข้นเรื่อย ๆ หากแต่ ต้องเข้าใจ รู้จักใช้ และรู้จักออมเงิน ให้เหมาะสมกับช่วงวัยชีวิต และรู้เท่าทันตัวเองให้ดี อย่าให้เงินมาใช้งานเราแทน ...!!  และกลายเป็นทาสของเงินอย่างไม่ลืมหู ลืมตา  ขณะเดียวกันก็ต้องรู้จักใช้เงินให้ทำงานแทนเราด้วย เพื่อให้สามารถต่อกรกับ เงินเฟ้อ หรือ รองรับ
"เหตุฉุกเฉิน"  ของชีวิต ที่ไม่รู้จะเข้ามาวันใดของชีวิต  เรื่องการเงินเป็นเรื่องที่เรียนรู้ได้ ตลอดเวลาอย่าเบื่อหน่าย หรือ หันหนีปัญหาการเงิน เพียงเพราะข้ออ้างว่า คุณไม่เคยเรียนรู้มาก่อน ปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตา หรือกรรมเวรที่เคยก่อขึ้นมา อย่าลืมว่า หนี้สิน ก็ต้องตามใช้ หากคุณไม่ใช้ คนข้างหลังคุณก็ต้องชดใช้แทน ....

หวังว่าทั้ง 15 ข้อที่กล่าวมาแล้วนั้น น่าจะสร้างข้อคิดและให้มุมมองบางประการที่ช่วยให้คนไทยอีกหลายคน ได้เริ่มตระหนักและมองเห็นแนวทางในการเริ่มต้น ปรับตัวเองในการใช้เงิน การรู้จักบริหารการเงินอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ....  

ขอบคุณที่มา:http://pantip.com/topic/31875382                              

วันอังคารที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2557

สอนลูกหลานให้รวยด้วยคติ 5 คำ

อดข้าวแล้วเข้านอนในวันนี้ ดีกว่าเป็นหนี้พรุ่งนี้เช้า 
นี่คือส่วนนึงจากล้านแนวคิดของคนจีนที่สร้างธุรกิจจากเสื่อผืนหมอนใบจนกลายเป็นเจ้าสัว คนจีนจึงสอนลูกหลานให้รวยต่อกันมาว่ามี 5 คำ ที่ไม่ควรพูดหากอยากจะรวย!!
"ยาก"
พอพูดคำว่ายากจะเป็นการบล็อคความสามารถทันที
"ทำไม่ได้"
จะเป็นการขับไล่ตัวจากสิ่งที่ทำ หรือปิดกั้นการเรียนรู้
"ท้อ"
เพราะเพียงคำนี้ผุดขึ้นพลังทั้งมวลทั้งร่างกายและจิตใจจะถดถอยสูญสิ้น
"ขี้เกียจ"
ไม่ควรแม้แต่พูดเล่นเพราะจะทำให้สร้างความไม่รับผิดชอบ
"เหนื่อย"
พอพูดคำนี้ออกมาร่างกายก็จะตอบสนองด้วยการอ่อนแอลงทันที
#ง่าย #ทำได้ #ลุย #ขยัน #สบายมาก!
ที่มา:Stock Gen Y

วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2557

พุทธในไทยจะรุ่งหรือจะสูญ

พุทธในไทยจะรุ่ง หรือ จะสูญ

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ เมื่อ 31 ธันวาคม 2552 แสดงไว้ว่า 

ประชาชนไทยมี 67,422,887 คน

จากการสำรวจการเข้าร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรม ปี 2548

มีพุทธศาสนิกชน 46,902,100 คน

คิดเป็น 69.56%

หลายท่านคงสงสัย เพราะเคยทราบว่าชาวพุทธไทยมีประมาณ 94% ทำไมสำนักงานสถิติแห่งชาติจึงบอกว่า เหลือเพียง 69% 


ความจริง คือ ตัวเลข 94% นั้นเป็นชาวพุทธตามทะเบียนบ้าน แต่เขาสำรวจจากการเข้าร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรม คือ ถ้าคนนั้นๆ แม้ทะเบียนบ้านจะเป็นชาวพุทธ แต่ถ้าหากตั้งแต่เกิดมาไม่เคยสวดมนต์ นั่งสมาธิ ไม่เคยใส่บาตร ไม่เคยทำบุญผ้าป่า กฐิน ไม่เคยเข้าวัด ฟังเทศน์ เขาไม่นับ



เมื่อเช็คอย่างนี้แล้วพบว่า เหลือคนที่ยังพอเคยเข้าร่วมกิจกรรมพุทธอยู่ 69% ซึ่งก็ไม่ใช่เป็นชาวพุทธที่แข็งแรงนัก อาจเคยทำกิจกรรมพุทธบ้างตามประเพณี 1-2 ครั้ง

ชาวพุทธที่กัมมันต์ ( Active Buddhist ) ตั้งใจรักษาศีล สวดมนต์ นั่งสมาธิจริงๆ อาจเหลือเพียงราว 5% เท่านั้นก็เป็นได้

ไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมเดี๋ยวนี้ปัญหาสังคมมีมาก ยาเสพติดเกลื่อนเมือง คนไทยดื่มเหล้ามากติดอันดับ 5 ของโลก 

เมื่อชาวพุทธไทยโดยรวมเป็นอย่างนี้ และพี่น้องศาสนิกอื่นก็ทุ่มเททำงานเผยแผ่ศาสนาของตนอย่างเต็มกำลัง น่าคิดว่า

อนาคตพระพุทธศาสนาในประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ?
เราจะเป็นเหมือนอินเดีย ที่พระพุทธศาสนาสาบสูญไปหรือไม่?
ทางแก้ คือ 

> การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุก <

... ในครั้งพุทธกาล เมื่อตรัสรู้ธรรม ทั้งโลกมีชาวพุทธเพียง 1 ท่าน คือ พระพุทธเจ้า จากนั้นพระองค์ไปโปรดปัญจวัคคีย์ จึงเกิดพระสงฆ์ขึ้น ทำให้พระรัตนตรัยครบ 3 ทั้ง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ 

ราว 5 เดือน หลังตรัสรู้ธรรม พระองค์ได้ประชุมพระอรหันต์สาวก 60 รูปแรกของโลก และประทานโอวาท ความตอนหนึ่งว่า 

... “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอจงเที่ยวจาริกไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่มหาชน 
เพื่อความเอ็นดูแก่โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

เธอจงไปคนเดียวหลายๆทาง อย่าไปทางเดียวหลายๆคน สัตว์โลกผู้มีธุลีในดวงตาน้อย ผู้จักอาจรู้ทั่งถึงธรรมนั้นมีอยู่ เขาเหล่านั้นย่อมเสื่อมจากคุณที่พึงได้พึงเห็น เพราะเหตุที่ไม่ได้ฟังธรรม
แม้ตถาคตก็จะไปสู่อุรุเวลาเสนานิคม เพื่อแสดงธรรมเหมือนกัน ”...

จากพุทธโอวาทนี้เราจะเห็นแนวทางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างชัดเจนว่า พระพุทธเจ้าทรงให้เผยแผ่เชิงรุก

พระองค์ไม่ได้ให้นั่งรอคนที่วัด แต่ให้เที่ยวจาริกออกไปเผยแผ่ธรรมะสั่งสอนชาวโลก

และเนื่องจากพระสงฆ์ 60 รูปแรก เป็นพระอรหันต์ทั้งหมด สามารถคุ้มครองตนเองได้ กิจในการปราบกิเลสของตนทำเสร็จแล้ว พระองค์จึงให้ไปคนเดียวหลายๆทาง เพื่อเผยแผ่ให้ได้กว้างขวางที่สุดนั่นเอง

การฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในประเทศไทยมีทางทำได้แน่นอน เพราะรากฐานทางพระพุทธศาสนาฝังลึกในไทยมากว่าสองพันปี ชาวพุทธไทยมีความรักผูกพันกับพระพุทธศาสนา แม้ไม่ค่อยได้เข้าวัด ไม่ค่อยได้รักษาศีล นั่งสมาธิ แต่ก็ยังรักหวงแหนพระพุทธศาสนา อยากให้พระพุทธศาสนาเจริญมั่นคง ผู้คนมีศีลธรรม สังคมสงบร่มเย็น

ชาวพุทธที่กัมมันต์ (Active Buddhist) ทุกกลุ่ม จึงต้องเร่งขวนขวายทำการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างเต็มกำลัง อยู่เฉยๆพระพุทธศาสนาจะเฉาไปเรื่อยๆ จนแห้งตายในที่สุด ต้องทำกิจกรรม อาทิ 

- จัดบวชพระ บวชเณร

- จัดตักบาตร

- จัดสวดมนต์

- จัดคอร์สนั่งสมาธิ

- จัดการแสดงธรรม

- จัดธรรมยาตรา

- จัดงานสังคมสงเคราะห์

- จัดสัมมนาทางวิชาการ

ฯลฯ

*** ใครถนัดอะไรก็ให้ทำสิ่งนั้น ทุกอย่างดีทั้งนั้น เพราะคนเรามีจริตอัธยาศัยชอบไม่เหมือนกัน ใครชอบแบบไหนก็ไปร่วมกิจกรรมแบบนั้น ถ้าทุกคนทุกวัด ทุกองค์กรขวนขวายช่วยกันทำกิจกรรมพุทธที่ตนมีความถนัด ภาพรวมพระพุทธศาสนาจะเกิดความคึกคัก ปลุกกระแสชาวพุทธให้ตื่นตัวหันมาสนใจพระพุทธศาสนา ภาพลักษณ์พระพุทธศาสนาดี ***

>> แต่ถ้าชาวพุทธที่กัมมันต์ซึ่งมีน้อยอยู่แล้ว ยังมาทะเลาะกัน โจมตีกันเองอีก ทำให้เกิดความแตกแยก ผู้คนก็จะเบื่อหน่าย พระพุทธศาสนาก็จะเสื่อมทรุดจนสาบสูญไปในที่สุด << 

อินเดียเป็นประเทศใหญ่ มีประชากรมากกว่าอังกฤษหลาย 10 เท่า แต่ตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ก็เพราะอังกฤษใช้วิธีการแบ่งแยกแล้วปกครอง ยุให้แคว้นต่างๆ ของอินเดียทะเลาะรบกันเอง แล้วค่อยๆรุกคืบยึดทีละแคว้น จนยึดอินเดียได้ทั้งประเทศ

__ ชาวพุทธไทยอย่าตกในหลุมพรางทะเลาะกันเอง ขอให้สามัคคีกัน ช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุก ให้พระพุทธศาสนาสถิตย์สถาพรคู่ชาติไทยไปชั่วกาลนาน นำสันติสุขความร่มเย็นมาสู่สังคมไทยเถิด __

ขอบคุณที่มาเพจ :พุทธสามัคคี


วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

มองชีวิตที่เปลือยเปล่า

คนอยู่บนสวรรค์ เงินอยู่ในธนาคาร ; คนเราตอนมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีเงินใช้ ตายแล้วเงินก็ยังใช้เงินไม่หมด

หวางจวินเหยานักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่ในเจ้อเจียง เสียชีวิตในขณะที่อายุยังไม่มาก เหลือเงินฝากไว้ให้ภรรยา 1,900,000,000 บาทและภรรยาได้แต่งงานใหม่กับคนขับรถของคุณหวางในสมัยที่คุณหวางยังมีชีวิตอยู่

ในขณะที่คนขับรถคนนั้นใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เขาก็คิดว่า

”แต่ก่อน เรานึกว่าเราเป็นคนทำงาน ให้เจ้านาย ตอนนี้เราเพิ่งเข้าใจแล้วว่าเจ้านาย ทำงานให้เรามาตลอด”

ความจริงที่โหดร้ายนี้เป็นตัวแสดงว่า : มีชีวิตที่ยืนยาว สำคัญกว่าความรวยความหล่อ ขอให้ทุกคนหมั่นออกกำลังกาย ระวังสุขภาพ ใครเป็นฝ่ายทำงานให้ใครนั้นพูดยาก

โทรศัพท์ที่ทันสมัย1เครื่อง, 70%ของฟังก์ชั่นในโทรศัพท์นั้นไม่มีประโยชน์

รถหรูๆ 1 คัน , 70%ของความเร็วนั้นเหลือใช้

บ้านหรูๆ 1 หลัง, 70%ของพื้นที่นั้นว่างเปล่า

ในมหาวิทยาลัยสักแห่ง ,70% ของศาสตราจารย์เป็นพวกไร้สาระ

กิจกรรมทางสังคมหลายอย่าง , 70% เป็นกิจกรรมที่น่าเบื่อ

เสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน , 70% ไม่ได้ใช้ ไร้ประโยชน์

เงินที่หามาทั้งชีวิต , 70% ก็ทิ้งไว้ให้ผู้อื่นใช้

สรุป: ชีวิตที่เรียบง่าย ให้สนุกกับการใช้ชีวิต 30% ที่เป็นของคุณ

ไม่เจ็บปวดแต่ก็ต้องบำรุง ไม่กระหายแต่ก็ต้องดื่มน้ำ ว้าวุ่นแค่ไหนก็ต้องปล่อยวาง มีเหตุมีผลแต่ก็ต้องยอมคน มีอำนาจแต่ก็ต้องรู้จักถ่อมตน ไม่เหนื่อยแต่ก็ต้องพักผ่อน ไม่รวยแต่ก็ต้องรู้จักพอเพียง ธุระยุ่งแค่ไหนก็ต้องรู้จักพักผ่อน

หมั่นเตือนตน: ชีวิตนี้สั้นนัก

หากเวลาของคุณยังมีเหลือเฟือ ส่งต่อข้อความเหล่านี้ต่อให้เพื่อนของคุณ ให้เพื่อนได้อ่านบ้าง..

...เพื่อจะได้ใส่ใจตัวเองบ้าง...

cr.line

ที่มา :Stock Gen Y

วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ปลาทูไหม้ 1 ตัว ไม่เคยทำร้ายใคร

แม่ของผมชอบทำอาหาร...
คืนหนึ่งหลังจากที่แม่ทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน
แม่กลับบ้านมาด้วยความเหนื่อยล้า และทำอาหารเย็นให้เราปกติ
ที่โต๊ะอาหาร แม่วางจานที่มีปลาทูที่ไหม้เกรียม บนโต๊ะต่อหน้า พ่อ และทุกๆคน....

ผมรอว่าแต่ละคนจะว่าอย่างไร.....
แต่...พ่อไม่พูดอะไร และตั้งหน้าตั้งตา กินปลาทูไหม้ตัวนั้น และ
หันมาถามผมว่าที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง

คืนนั้นหลังอาหารเย็น ผมจำได้ว่า ได้ยินแม่ขอโทษพ่อที่ทอดปลาทูไหม้...
และผมไม่เคยลืมที่พ่อพูดกับแม่เลย "โอย...ผมชอบปลาทูทอดเกรียมๆ...อร่อยมากนะแม่"
คืนต่อมา ผมเก็บคำถามในใจ ก่อนนอน และถามพ่อว่า พ่อชอบปลาทูทอดเกรียมๆ จริงๆ เหรอ
พ่อลูบหัวผม และ ตอบว่า....
"แม่ของลูกทำงานหนักมาทั้งวัน... ปลาทูไหม้ 1 ตัว ไม่เคยทำร้ายใคร แต่คำพูดว่ากัน ต่างหากที่จะทำร้ายกัน"

"ชีวิตคนเราเต็มไปด้วยความไม่สมบูรณ์แบบ และ
แต่ละคนก็ไม่ได้เกิดมาสมบูรณ์แบบ 
ตัวเราเองก็ไม่ได้มีอะไรดีกว่าใครๆ"

"พ่อเองก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยจำวันเกิดแม่ วันครบรอบวันแต่งงาน เหมือนกับคนอื่นๆ
แม้แต่ตนเองและลูก ไม่เคยฉลอง ไม่เคยทำบุญวันเกิด แม้แต่ของพ่อแม่ตนเอง

แต่สิ่งที่พ่อเรียนรู้ ในช่วงชีวิตคือ.....
การเรียนรู้ที่จะยอมรับความผิดของคนอื่น และการเลือกที่จะยินดีกับความคิดต่างกันของแต่ละบุคคลเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างชีวิตครอบครัวที่มีความสุขและยืนยาว

ชีวิตเราสั้นเกินกว่า จะตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเสียใจที่ว่า เราทำผิดกับคนที่เรารัก และ รักเรา 
ดูแล และทะนุถนอมเรา

ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับชีวิตนะครับ
เพราะชีวิตคนเรา....มันมีวันหมดอายุ....

ที่มา:Stock Gen Y

คุณจงสร้างเงินไม่ใช่สร้างหนี้ !

"คุยกับเด็กรุ่นใหม่ ก็ตกใจ ผมถามว่า คุณวัดความสำเร็จของคนจากอะไร ? ..เขาตอบว่าขึ้นกับว่า บ้านหลังใหญ่แค่ไหน ขับรถหรู มีเสื้อผ้าหรู รองเท้าไฮโซ กระเป๋าแพงๆ มีชีวิตที่หรูหรากินแพงๆ เที่ยวยุโรปทุกปี และก็ซื้อทุกอย่างที่อยากได้ นี่เลยพี่ผมได้แรงบันดาลใจการใช้ชีวิตจาก Instagram นี่แหละ ทุกคนโพสชีวิตในฝัน เที่ยวและกินแบบเลิศๆ ขับรถสปอร์ต สุดอ่ะ ใช่เลยชีวิตในแบบของผม !! 

...(โหห!! พ่อง ฟังแล้วตรูเครียดแทน(พ่อง) จริงๆ) ผมถามเขาต่อไปว่า แล้ววางแผนจะหาเงินอย่างไรที่จะซื้อทุกอย่างที่อยากได้ล่ะ ? ..."ก็บัตรเครคิตไงพี่ รูดปลื๊ด รูดปรี๊ด สามารถเสกเงินได้มากกว่าเงินเดือนหลายเท่านัก ..อยากได้อะไร ผมรูดเลย จัด!!" ...ฮึม!! น้องคนนี้ช่างฉลาดจริงๆ ผมเลยถามต่อว่า แล้วมรึงเครียดไหมนี่ ใช้ชีวิตในฝันแบบนี้? -- (ต่อมน้ำตาแตก) เครียดครับพี่!! ผมไม่รู้จะทำไงแล้วพี่ ผม Max Out Credit หนี้ทุกอย่างเท่าที่ผมจะทำได้ ผมมีบัตรเครดิต 10 ใบ รูดแม่งสุดทุกธนาคาร กู้ซื้อบ้านและรถในฝัน(ผ่อนอยู่) ส่วนนึงของหนี้ก็เอามาขยายธุรกิจ วันนี้ก็เดือนชนเดือน จ่ายขั้นต่ำของทุกบัตร ...ไม่รู้จะยังไงแล้ว เมียไฮโซผมก็ไม่แคร์ ทำหน้ามันทุกเดือน ..ลูกผมก็เรียนอินเตอร์ (ส่งให้ไม่น้อยหน้าใคร) ..แล้วช่วงนี้เศรษฐเริ่มชะลอ เงินที่กู้มาขยายธุรกิจก็เริ่มซวย เพราะของมันขายไม่ได้ ..ผมว่ากำลังจะเริ่มค้ายา หรือไม่ก็เก็บเงินซื้อปืน -- ผมตกใจ "เฮ้ย!! เอ๊งจะซื้อปืนทำไม" -- ก็เอามายิงพี่อะดิ ถามอยู่ได้ กรูเครียดเว้ย !! แล้วยิงพี่เสร็จผมจะเอาไปยิงเมีย ยิงลูก แล้วค่อยยิงตัวตาย ให้พ้นทุกข์ให้หมด" ...ไอ้ควายเอ้ย!! จริงๆแก้ง่ายกว่านั้น คือ เอาของที่ซื้อมาทุกอย่าง มารวมกองตรงหน้า จากนั้นให้จุดธูปแล้วกราบ กราบจนคิดให้ได้ว่าที่ชีวิตมรึงพัง ก็เพราะของเหล่านี้แหละ ที่ทำให้มรึงสร้างหนี้จนชีวิตไม่มีทางออกนั่นแหละ -- 

ทางออกน่ะมี มรึงกล้าป่าว ขายแม่มให้หมดทุกอย่าง ล้างหนี้ให้หมด เอาหนังสือภาววิทย์ไปอ่าน แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ ..เจริญพร!! -- คนเราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ถ้ากล้าพอ ไม่มีคำว่าสายเกินไปหรอก ..ยกเว้นมันขี้แพ้ ก็ก้มหน้าต่อไป!!

: ภาววิทย์ กลิ่นประทุม # ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ขอดีที่สุดในจุดที่เลือกยืน