วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ข้อคิดหนังสือ :สร้างเงินล้านก่อนเรียนจบ ตอน 1

สวัสดีครับเพื่อนๆผู้ที่ชอบการอ่านบทความต่างๆ ปกติแล้วผมก็ไม่ค่อยชอบการอ่านบทความสักเท่าไร โดยเฉพาะบทความที่ยาวๆ เอ้า ไม่ชอบอ่านบทความ แต่ทำไม ! มาเขียนเองเสียเล่า ^^ อันนี้ขอสั้นๆง่ายๆได้ใจความ ว่างครับ  ว่างจนอยากลองจดบันทึกความทรงจำ หาเล่าเรื่องราวต่างๆที่ตนเดินทางผ่านไปมา เรียบเรียงลงในบล๊อกตนเอง จึงหาเรื่องเนื้อหาต่างๆจากที่นั่นที่โน่น มาจับลงในบล็อกของตัวเองสักหน่อย โดยเฉพาะจากหนังสือ ผมว่า ในจำนวนบล๊อกของคนไทย (คิดเองนะครับ..ยังไม่ได้สำรวจแบบจริงจัง) ทั้งหมดที่มีอยู่ตอนนี้ น่าจะยังไม่มีใครเขียนบล๊อกตนเองขี้นมาโดยการนำเนื้อหาจากหนังสือต่างๆหลากหลายหมวดหมู่มาเรียบเรียงให้เป็นบทความลงในบล๊อกของตนเอง  แต่สำหรับในบล็อกนี้จะขอหยิบยกเอาเนื้อหาที่เป็นคำคม ข้อคิด จากหนังสือเล่มหนึ่ง (ทั้งเล่มเลยครับ โปรดตั้งใจอ่านให้ดีๆ) ^^ จากหนังสือ สร้างเงินล้าน....ก่อนเรียนจบ เขียนโดย นานิ นิธนวกร เชิญรับชมกัน ณ บัดนาวครับ  ขอย้ำสักนิด  คัดเอาเฉพาะคำคมและข้อคิดเท่านั้นนะครับ >>>>>>>



><บทนำก่อนเข้าเรื่อง ><

"สุดยอด" ไม่ใช่แค่ว่า กล้า (อย่างเดียว) แต่น้องคนนี้มุ่งมั่น ที่สำคัญคือชีวิตผ่านการวางแผนมาแล้วตั้งแต่เด็กด้วยตนเอง  ซึ่งน่าศึกษาแนวคิดตรงนี้มาก   น้องคนนี้ทำให้เห็นว่า การมีเงินล้านนั้นทำได้จริง แม้ขณะตอนที่ยังศึกษาอยู่ โดยที่ก็ไม่ได้สูญเสียชีวิตของวัยรุ่นไป  และการเดินห้างก็ไม่ได้เป็นเรื่องต้องห้ามของความสำเร็จ
   รูปแบบของการให้ความสำคัญของการศึกษา  เรื่องของการคบเพื่อน  การปรับตัวในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ  มาพร้อมๆกับการสร้าง "โอกาส" ให้ตัวเอง 
    จุดเด่นมากๆของวัยรุ่นก็คือ "ความช่างฝัน"
     ในวัยแห่งความฝันนี่แหละ  ที่หากได้ลงมือทำสิ่งเท่ๆได้สำเร็จ ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นที่มั่นคงมากในชีวิตอีกหลายสิบปีที่เหลือ 
     ลองคิดดูว่า  เมื่อวัยรุ่นเรียนจบ  มีเงินก้อนนึงเป็นหน้าตัก  แรงกังวลในการหางานก็จะลดลง  แนวทางในการเลือกอาชีพก็ง่ายขึ้น  การเลือกงานให้ตรงกับความชอบของตัวเองก็สะดวกขึ้น และการก่อความสุขในชีวิตหลังจากนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย
   เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้  ไม่ใช่หลักทฤษฎี  แต่เป็นสิ่งที่จับต้องได้และทำได้จริง ที่สำคัญก็คือน่าจะเป็น "แรงบันดาลใจ" ให้คนรุ่นใหม่เริ่มต้นทำบางอย่างในวัยที่พร้อม เมื่อน้องๆประสบความสำเร็จ รอยยิ้มไม่ได้เกิดแต่ลำพังน้องๆเท่านั้น แต่รอยยิ้มนั้้จะเกิดขึ้นกับคนทั้งบ้าน
   แรงบันดาลใจจากหนังสือเล่มนี้น่าจะสร้างคุณภาพของสังคมไทยได้อีกมาก  ผมเชื่ออย่างนั้น !

ปิยะพันธ์์  วงศ์ยรา สำนักพิมพ์สต๊อคทูมอร์โรว์


THEME 1 : เมื่อก่อน

    การที่คนเราจะประสบความสำเร็จหรือไม่ จะรวยหรือไม่ จะสร้างประโยชน์ต่อสังคมได้มากแค่ไหนนั้น  นานิคิดว่า  มันขึ้นอยู่กับ Drive ซึ่งเป็นเหมือนแรงผลักดันที่จะทำให้เราอยากประสบความสำเร็จ  อยากเก่ง อยากรวย อยากเป็นคนดี 
    แต่สาเหตุหลักที่ทำให้คนส่วนมากไม่ประสบความสำเร็จก็คือ เค้ามีความ "อยาก" ไม่พอ
     
   พ่อนานิเคยบอกว่า  วิธีคิดของคนเรานั้นสำคัญมาก  ถ้ามีวิธีคิดแบบผิดๆก็จะทำให้หลงทางในชีวิต
    
   เพราะชีวิตเราไม่ได้มีแค่ด้านเดียว  ดังนั้น เราไม่ควรจะเจออะไรแค่เพียงด้านเดียว นั่นคือ เรียนอย่างเดียว แต่ควรเปิดโอกาสให้ได้ลองอะไรใหม่ๆที่เราชอบ แค่ใช้คำว่า "และ" แทนคำว่า "หรือ" ชีวิตก็เปลี่ยนไป 
    ความอดทนนั้นสำคัญมาก  เพราะยังต้องเจอเรื่องราวหนักๆ อีกมาก ก่อนที่จะประสบความสำเร็จ ดังนั้นจึงควรจะรู้จักอดทนและเป็นนักสู้ตั้งแต่ยังเด็ก !
   พ่อบอกนานิว่า  ถ้าตั้งใจจะทำอะไรแล้วเลิกกลางทาง  โดยที่ยังไม่ประสบความสำเร็จบ้าง มันจะกลายเป็นการยอมแพ้ที่จะติดเป็นนิสัยไปจนโต
    
   เสียงที่อยู่ภายในนั้น น่าจะตรงกับคำว่า Drive  หรือ แรงขับจากภายใน  ซึ่งคนที่ประสบความสำเร็จสูงๆจะมีแรงขับตัวนี้แรงมากๆ และแรงขับที่อยู่ภายในนี้ก็คือสิ่งที่อยู่ในจิตใต้สำนึกนั่นเอง (แต่ถ้าหากว่า เราไม่มีแรงขับตัวนี้ก็พอที่สร้างขึ้นมาได้บ้าง แต่อาจไม่แรงเท่ากับผู้ที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ) 
   แรงขับหรือ  Drive  นี้   เรียกว่า  ไฟ 
    Warren  Buffett  เคยกล่าวไว้ว่า  Wealth  is  the  tranfer  of  money  from  the  impatient  to  the  patient หรือ ความมั่งคั่ง  คือการถ่ายโอนเงินจากคนที่ไม่มีความอดทน  ไปสู่คนที่อดทนและใจเย็น
 
   THEME ๒ : ตอนนี้

   การที่เราจะประสบความสำเร็จและบรรลุเป้าหมายทางด้านการเงินของเรานั้น  มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องแค่ความสามารถในการหาเงินและการลงทุนเท่านั้น  เพราะทุกๆอย่างที่หลอมรวมเป็นตัวเราต่างหาก ที่จะตัดสินว่าเราจะรวยหรือประสบความสำเร็จได้แค่ไหน
  มั่นใจว่า  ทุกคนคงเคยติดหนี้บุญคุณใครบางคนเหมือนกัน อย่างน้อยก็ติดบุญคุณพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ที่สอนสั่งและสร้างแรงบันดาลใจให้เรา ดังนั้น  ก้าวแรกในการที่เราจะเปลี่ยน จะพัฒนาตัวเองขึ้นมานั้น เราควรจะกลับไปขอบคุณผู้มีพระคุณเหล่านั้น
   อย่าบอกตัวเองว่า ถ้ามีโอกาสแล้ว ถ้ารวยแล้ว จะกลับมาตอบแทนบุญคุณ เพราะหนึ่ง เวลามันไม่คอยใคร  และสองใครว่าต้องรวยถึงจะตอบแทนบุญคุณได้ ? ตอนนี้ถึงยังไม่มีแรงเงิน  แต่ก็อย่าลืมว่าเรายังมีแรงนะ
   คิดเสมอว่า แค่ตอบแทนบุญคุณมันไม่เท่พอ ! มันต้องสานต่อด้วย นั่นคือเอาสิ่งดีๆที่เราได้รับมาไปช่วยคนอื่นต่อ
  การที่เรายึดหลักเรื่องสานต่อบุญคุณนั้น มันจะช่วยมาเป็นแรงส่งให้ Drive เราแรงขึ้น เพราะมันเป็นเหมือนพันธะสัญญาที่เราจะต้องทำ ต้องรับผิดชอบ
  เคยมีคนพูดไว้ว่า "ถ้ารู้ตัวว่า กำลังขุดหลุมให้ตัวเองอยู่  สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกคือหยุดซะ"
  Bill  Gates เคยพูดไว้ว่า If  you  are  born  poor, it's  not  your  mistake. But  if  you  die  poor, it's definitely your  mistake. แปลว่า  เกิดมาจนไม่ใช่ความผิดของคุณ  แต่ตายไปอย่างคนจน  อันนั้นความผิดคุณแน่นอน
   การที่เราเขียนเป้าหมายไว้อย่างเดียวมันก็คงไปไม่ถึง เพราะฉะนั้น  นอกจากจะต้องเตือนตัวเองว่าเรามีเป้าหมายอะไรแล้ว เราก็ต้องเตือนตัวเองให้เริ้มก้าวเข้าไปหาเป้าหมายด้วย .....วันละก้าวก็ยังดีนะ =)
   ลองนึกดูว่าทำไม  เราถึงอยากรวย  รวยแล้วอยากทำอะไร ? มันสำคัญมากๆนะ  เพราะว่า  คนส่วนมากที่ไม่รวย  สาเหตุหลักๆก็คือไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องรวย พูดง่ายๆว่า  อยากรวยไม่พอนั่นเอง  และนี่แหละที่ทำให้พลังในตัวเราที่คอยผลักดันให้เราก้าวไปข้างหน้ามันไม่แรงพอ หลายคนที่ท้อก็จะเริ่มใช้ข้ออ้างต่างๆนานาที่เจอบ่อยก็คือ  "จะรวยไปทำไม ขอแค่มีความสุขก็พอแล้ว"  แล้วเคยถามตัวเองมั้ยว่าทำไมเราไม่ทั้ง รวย  และ  มีความสุข  ไปเลย ?
   เงินซื้อความสุขไม่ได้  แต่เงินซื้ออิสรภาพได้ เงินทำให้เรามีเวลา   และเงินก็ทำให้เรามีกำลังทรัพย์ไปใช้ในสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขได้มากขึ้น
   เพราะเป้าหมายจะเป็นเครื่องมือเตือนความจำว่า เรากำลังทำอะไรอยู่ และควรทำอะไรต่อไปเพื่อที่จะทำให้ตัวเองกระเถิบไปใกล้เป้าหมายให้ได้อีกก้าวนึง
  แต่การที่เราเขียนเป้าหมายไว้อย่างเดียว มันก็คงไปไม่ถึง เพราะฉะนั้น นอกจากจะต้องเตือนตัวเองว่าเรามีเป้าหมายอะไรแล้ว  เราก็ต้องเตือนตัวเองให้เริ่มก้าวเข้าไปหาเป้าหมายด้วย
  แต่ปัญหาก็คือ คนส่วนใหญ่ "อยากไม่พอ" แล้วอีกอย่างก็คือ ชอบผัดวันประกันพรุ่ง
 ตอนแรกไม่เชื่อว่า เก็บตังค์แค่นิดๆหน่อยๆมันจะช่วยอะไรได้ แต่พอได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับความอลังการของดอกเบี้ยทบต้น   ก็เลย Oh  My  God  ! ทุกบาททุกสตางค์มีค่าขึ้นมาเลยทีเดียว
   จำไว้ว่า "อย่าดูถูกพลังของดอกเบี้ยทบต้น"
    การที่เด็กอย่างเราจะหาเงินตั้งล้านนึงได้นั้น มันแปลว่าเราต้องหมั่นเรียนรู้อยู่เสมอ ซึ่งตรงที่เราได้เปรียบพวกผู้ใหญ่โตๆที่อาจจะมีตำแหน่งการงานสูงขึ้น ยุ่งขึ้น แต่เด็กอย่างเราก็ยังมีเวลาคอยไปสัมมนาหรือไม่ก็อ่านหนังสือเกี่ยวกับการเงินการลงทุน
   การไปสัมมนาและการอ่านหนังสือ  เป็นเหมือนการเปิดหูเปิดตา รับข้อมูลและแนวคิดใหม่ๆซึ่งมีประโยชน์มาก  เพราะเราอายุน้อย ด้อยประสบการณ์  บางทีบางเรื่องหลายคนจะคิดว่ารู้แล้ว  แต่จริงๆเชื่อเหอะ เรายังรู้ไม่จริงหรอก  การที่เราบอกตัวเองว่า "เออ อันนี้รู้ละ  ไม่ต้องฟังก็ได้" มันเป็นการตัดโอกาสการเรียนรู้ของตัวเองไปอย่างน่าเสียดาย
   เพราะฉะนั้น  ถ้ามีคนที่มีความรู้มาพูดอะไรกับเรา  ก็ฟังๆเค้าไปเถอะ  แล้วจะได้อะไรกลับมาคิดพิจารณาเล่นที่บ้านอีกเยอะ
   การลงทุนนั้น  ลงทุนได้ในทรัพย์สิน  4  แบบ  คือ  
   หนึ่ง = บริษัท/ธุรกิจของตัวเอง   สอง = อสังหาริมทรัพย์    สาม = Commodity (ทองคำ เงิน น้ำมัน)          สี่่ = Paper asset  เอกสารแจ้งสิทธิ (ก็คือ  พวกหุ้น  ตราสารหนี้  สัญญาซื้อขายต่างๆรวมทั้งกองทุนด้วย)
   เพราะฉะนั้น บอกตัวเองเสมอว่า  อย่าอวดรู้ อย่าอวดเก่ง  เพราะมันอาจจะทำให้เราพลาดโอกาส พลาดความรู้ดีๆก็ได้
   บางที  เคล็ดความสำเร็จ  มันอาจจะมาแบบเป็นเสียงกระซิบก็ได้  ต้องคอยฟังให้ดี
   เวลาเพื่อนๆจะเปลี่ยนตัวเอง ก็ต้องเริ่มจากการเปิดโลกของตัวเองให้มากขึ้น  ไม่งั้นเราก็จะไม่มีความรู้ใหม่ๆมาปรับใช้  มาเปลี่ยนชีวิตของเราให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น ดังนั้นอย่าปิดกั้นความรู้ของตัวเองเลย
   เพราะฉะนั้น เวลาเพื่อนๆได้เจอคนใหม่ๆพยายามฟังให้มากขึ้น  พยายามถามมากขึ้น  อย่าเอาแต่พูดอย่างเดียว  บางทีคนที่เราคุยอยู่ด้วย  อาจจะเป็นผู้มีประสบการณ์  เป็นนักธุรกิจร้อยล้าน  พันล้าน ที่เราไม่รู้จัก  ถ้าเราเอาแต่พูด  ไม่ถาม ไม่ฟังเรื่องของเค้า เราก็จะเสียโอกาสการเรียนรู้ไปโดยใช่เหตุ  XD
      
ถ้าคิดว่าตัวเองเก่งมาก รู้ทุกเรื่อง  ไม่เคยพลาด 
ก็พกแต่ปากกากับดินสอ   อย่าพกลิควิด
กับยางลบนะ
-นานิ-

   การหาเงินและบริหารเงินก็เหมือนการเล่นไพ่โปกเกอร์ เราจะไม่แพ้หรือหมดตัว ถ้าเรารู้จักหมอบ ในบางครั้งเรื่องดวงก็มีส่วนช่วยให้เราชนะแค่ 100 %  เท่านั้น
   การบริหารเงินของเราก็เหมือนกันเลย ถ้าเราวางแผนผิดลงทุนไปแล้ว มันไม่เป็นไปตามที่เราคาดไว้ ก็ควรจะพยายามปรับกลยุทธ์ 
   แบบนี้คือการหมอบหรือปรับแผนที่ดี การไม่ยอมรับความจริงว่าไพ่เปลี่ยนไปแล้ว ยังไปวางเดิมพันเพิ่มอีก มันอาจจะทำให้เราเสียมากกว่าได้
    เราไม่ควรจะยึดติดกับความคิดเก่าๆหรือแผนเก่าๆ  โดยคิดว่า  การปรับแผนหรือแม้กระทั่งการ  Cut Loss  หรือขายขาดทุนมันไม่เท่  จริงๆแล้ว  การไม่ยอมรับความผิดพลาดของเรา  แล้วปล่อยให้ตัวเองจมลงไปเรื่อย ๆ กับเรือแห่งความหยิ่งของตัวเองต่างหากที่ไม่เท่   เราควรจะรู้จักปรับตัวไปกับสถานการณ์ต่างๆ
   หมอบตอนนี้  แล้วถึงเวลา  เราอาจจะกลับมาชนะเกมได้เมื่อสถานการณ์กลับมาทำให้เราได้เปรียบ =)
   เวลาที่มีอะไรร้าย ๆ เข้ามาในชีวิต มันอาจจะไม่ใช่เรื่องร้ายก็ได้  แต่มันอาจจะกลายเป็นดีขึ้นมา
   เพราะฉะนั้น  เวลาเพื่อนๆคิดจะหาเงิน  จะลงทุน  หรือเวลามีอะไรผิดพลาดเข้ามา  ก็อย่าไปยอมแพ้
   เพราะ " มันอาจจะดีก็ได้ "
 
   ข้อคิดที่ 12  แบ่งเงินให้ดี  เงินออม #  เงินลงทุน 
    
   ในการจะทำเงินให้ได้เยอะๆ เราควรตั้งกฏและวินัยส่วนตัวในการลงทุน  การเก็บ  และการจัดสรรเงิน
   ซึ่งนานิมีกฏการลงทุนแค่  2  ข้อก็คือ
 
    ๑.เงินลงทุน  เข้าพอร์ตไปแล้วห้ามนำออกมา = การไม่เอาเงินลงทุนออกมาใช้นั้น  มันจะทำให้เงินลงทุนของเราได้รับพลังดอกเบี้ยทบต้นอย่างเต็มที่  ถ้าจำเป็นต้องใช้  ให้ใช้เงินออม
    ๒.ทุกเดือนต้องมีเงินใหม่ใส่เข้าไปในพอร์ต = ไม่ว่าจะยังไง จะต้องมีเงินใหม่ใส่เข้าไปในพอร์ตลงทุนของเราทุกเดือน ไม่ว่าจะน้อยแค่ไหนก็มีค่า (แค่เดือนละพันก็มีผลลัพธ์ที่อลังการเว่อร์ !)

    ก่อนที่เราจะมีเงินมาลงทุน  และมีเงินออมไว้ใช้ยามจำเป็น (จะได้ไม่ต้องแตะเงินลงทุน) เราก็ต้องมีการจัดสรรเงินที่ถูกต้อง ก่อนจัดสรร  เราต้องดูก่อนว่ามีรายได้กีทาง
     เงินที่ได้มาทั้งหมด นอกจากค่าขนมที่จะใช้ประทังชีวิตไปประมาณ 90 % ของที่ได้  นานิจะแบ่งแบบนี้
     ลงทุน   70 %     ให้รางวัลตัวเอง  0.5 %    เงินออม  10 %   ให้พ่อ - แม่   5- 10 %    บริจาค  0 - 5 %
     
     อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เพราะไฟในตัวอาจจะดับได้
     ถ้าอยากมีล้านนึงให้พ่อแม่ภูมิใจก่อนเรียนจบอ่ะ  มันต้องมีเงินใหม่มาใส่เข้าไปในพอร์ตเสมอ นั่นคือการหา "รายได้พิเศษ" เข้ามานั่นเอง
      ถ้าเราหัดลงทุนให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ  ได้กำไรต่อปีมากขึ้นเรื่อยๆ แถมเรายังมีเงินใหม่ที่เป็นรายได้พิเศษใส่เข้ามาลงทุนเพิ่มอยู่เสมอ ซึ่งเป็นเงินที่ได้มาจาการที่เราทำสิ่งที่เราชอบ แล้วค่อยๆทำมากขึ้น มากขึ้น  ลองคิดดูละกันว่า  ผลลัพธ์ของการทบต้นมันจะ ! แค่ไหน

โปรดติดตามตอนต่อไป >>>> The  End
      


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น