วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ปัญหาเรื่องพระอาทิตย์

        เมื่อครั้งที่ขงจื้อ เดินทางท่องเที่ยวไปตามแคว้นต่างๆ ของจีน มีอยู่คราวหนึ่งขณะที่วิ่งรถไป ขงจื้อเห็นข้างถนนมีเด็ก 2 คนกำลังถกเถียงกันอยู่  ขณะนั้นขงจื้อนั่งบนรถ ห่างจากเด็กพอสมควร ได้ยินไม่ชัดว่าเด็กเถียงกันเรื่องอะไร แต่เห็นว่าเด็กทั้งสองคนเถียงกันอย่างหน้าดำหน้าแดง  เสียงที่พูดยิ่งมายิ่งดัง ดูท่าทีจะลงมือลงไม้กันแล้ว ขงจื้อจึงลงจากรถ เดินไปหาเด็กทั้งสอง ตั้งใจจะช่วยไกล่เกลี่ย ถามเด็กทั้งสองว่า... "พวกเธอกำลังเถียงกันเรื่องอะไร
           เด็กคนหนึ่งพูดว่า  "คุณลุง คุณลุงคือใครครับ เรื่องที่คุณลุงรู้ จะต้องมากกว่าที่พวกผมรู้แน่ๆ ขอเชิญคุณลุงช่วยเป็นกรรมการตัดสินให้พวกผมด้วยนะครับ"
      ขงจื้อตอบว่า "ฉันคือขงจื้อแห่งแคว้นหลู่ เชิญบอกฉันก่อนว่าพวกเธอกำลังถกเถียงกันเรื่องอะไร"
    เด็กอีกคนหนึ่งพูดว่า "ที่แท้ คุณลุงคือขงจื้อ คุณลุงต้องสามารถตัดสินปัญหานี้ให้พวกเราได้แน่ๆ เพราะใครๆ ก็รู้ว่าคุณลุงเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในโลก"
               ขงจื้อพูดว่า "รีบบอกปัญหาให้ฉันฟัง"        เด็กคนหนึ่งพูดว่า "ผมคิดว่าพระอาทิตย์ เมื่อตอนเพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้าในเวลาเช้าอยู่ใกล้ เวลาเที่ยงอยู่ไกลจากตัวเรา"
      เด็กอีกคนหนึ่งรีบพูดขึ้นทันทีว่า "ที่เขาพูดไม่ถูก ผมคิดว่าพระอาทิตย์ตอนเช้าอยู่ไกล  ตอนกลางวันอยู่ใกล้คนเรา"
       ขงจื้อพูดว่า "พวกเธอลองพูดเหตุผลของตัวเองมาดู"
    เด็กคนแรกพูดว่า "พระอาทิตย์ตอนเพิ่งพ้นขอบฟ้าเวลาเช้าดวงกลมโต โตพอๆ กับล้อรถเลย แต่พอกลางวันก็เล็กลงเหลือขนาดราว ๆ ชามข้าวเท่านั้น  สิ่งของยิ่งอยู่ไกลก็ยิ่งดูเล็ก เ พราะฉะนั้นแสดงว่า  พระอาทิตย์ตอนเช้าอยู่ใกล้ ตอนกลางวันอยู่ไกล"
     เด็กอีกคนหนึ่งพูดว่า "ผิดโดยสิ้นเชิง ตอนเช้าพระอาทิตย์เพิ่งออกมา พวกเรารู้สึกเย็นสบาย พอถึงตอนเที่ยงก็ส่องแสงจนคนเหงื่อท่วมตัว เวลาเราอยู่ใกล้ไฟก็จะรู้สึกร้อน ถ้าอยู่ห่างออกมาก็ไม่ค่อยรู้สึก ดังนั้น  ผมคิดว่าพระอาทิตย์ตอนเที่ยงอยู่ใกล้"
       พอเด็กสองคนพูดจบ  ก็ถามขงจื้อว่า  จริงๆ แล้วความคิดของพวกตนของใครถูก
     ขงจื้อดูเหมือนได้รับความลำบากจากปัญหานี้แล้ว นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ไม่รู้จะตอบอย่างไร และตอบเด็กไปว่า "ฉันยังไม่อาจตัดสินโดยเด็ดขาดได้ว่า ความคิดของพวกเธออันไหนถูก เพราะฉันยังไม่เคยค้นคว้าวิจัยเรื่องนี้มาก่อน"
     เด็กสองคนนั้นคิดในใจว่า ขงจื้อได้ชื่อว่าเป็นนักวิชาการที่เก่งที่สุด แต่ปัญหานี้แม้กระทั่งขงจื้อยังตอบไม่ได้ แล้วพวกเราเพิ่งมีความรู้สักเท่าไรเชียว ถึงได้ปักใจมั่นหัวชนฝาว่าความคิดของตนเองถูก ช่างเป็นเรื่องไม่สมควรจริงๆ
        
       ท่านสาธุชนทั้งหลาย...
 
      เราเคยเป็นคนดื้อปักใจมั่นเชื่อในความคิดของตนเอง จนไม่ยอมรับฟังความคิดคนอื่นบ้างไหม  แก้วน้ำที่ปิดฝาอยู่ต่อให้เอาน้ำมาเทสักโอ่ง ก็คงไม่เข้าสักหยด แต่ถ้าเปิดฝาออก เทน้ำลงไปประเดี๋ยวก็เต็มเปี่ยม  ถ้าเราเปิดใจให้กว้าง เราจะได้เรียนรู้อะไรต่างๆ มากมาย ไม่เป็นกบในกะลาครอบ และขอให้ดูตัวอย่างขงจื้อ แม้ได้รับยกย่องว่าเป็นปราชญ์ใหญ่ในยุคนั้น แต่เมื่อเจอเรื่องที่ตัวไม่รู้ ก็บอกตรงๆ ว่าไม่รู้  ไม่มีอาการกลัวหน้าแตก   แล้วตอบโมเมส่งเดชไป  คนไม่รู้แล้วไม่ชี้ยังดี ที่กลัวคือคนไม่รู้แต่ชี้ แล้วชี้ผิดๆ พาคนอื่นเข้าใจผิดตามๆ กันไปด้วย
     ความรู้ต่างๆ ในโลกนี้ที่เกิดจากการขบคิดไตร่ตรองด้วยเหตุผล   ไม่ว่าจะเป็นความคิดของนักวิชาการที่เก่งเพียงใด ก็ล้วนมีโอกาสผิดพลาดทั้งสิ้น ทฤษฎีต่างๆ ในโลกตั้งขึ้นแล้วก็มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะเป็นความรู้ที่เกิดจากความคิด (จินตามยปัญญา) มีเพียงความรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เกิดจากการทำสมาธิภาวนา (ภาวนามยปัญญา) เท่านั้นที่ถูกต้องจริงแท้ตลอดกาล ทนทานต่อการพิสูจน์ เพราะเป็นความรู้จากใจที่สงบหยุดนิ่ง สว่างไสว ปราศจากกิเลสอวิชชาที่มาหุ้มห่อใจ เป็นความรู้ที่ทำให้พ้นทุกข์ ทำให้โลกสงบเย็น เรามาปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงความรู้ชนิดนี้กันเถิด

            ดังพระพุทธพจน์ที่ตรัสว่า.....


มหาสมุทรซึ่งเป็นที่ไหลมารวมกันของน้ำจากทุกสารทิศ
จะต้องมีระดับพื้นที่ต่ำกว่าพื้นที่ตรงต้นน้ำทั้งหลายฉันใด
ผู้ที่ต้องการจะรับการถ่ายทอดคุณความดีจากบุคคลทั้งหลาย
ก็จะต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตนก่อนฉันนั้น
(พุทธพจน์)
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น