วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เสียงพระอาทิตย์






     มีชายคนหนึ่ง  ตาบอดทั้ง 2 ข้างมาตั้งแต่กำเนิด จึงไม่รู้จักสีสันรูปพรรณสัณฐานของสิ่งต่าง ๆ มีอยู่วันหนึ่ง เขาได้ยินคนยืนคุยกันเรื่องพระอาทิตย์

      ชายคนแรกพูดว่า... "4 - 5 วันมานี้  ฝนตกทุกวัน ฟ้าครึ้มตลอดทั้งวัน ทำให้รู้สึกซึมเศร้า แต่วันนี้ฟ้าโปร่งแล้ว  มองเห็นพระอาทิตย์ด้วย  ฉันรู้สึกดีใจจริง ๆ"
      ชายคนที่ 2  พูดขึ้นมาบ้างว่า  "ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ  อากาศไม่ร้อนไม่หนาว  แสงแดดอันส่องสาดอยู่บนตัวเรา ช่างให้ความรู้สึกสุขสบายอะไรเช่นนี้"
      ชายคนที่  3  กล่าวว่า  "แต่พอถึงหน้าร้อน  เมื่อพวกเราทำงานในนา  แสงแดดที่แผดกล้าทำเอาทุกคนเหงื่อท่วมตัวไปหมด   ถึงตอนนั้นพวกเราต่างก็คิดอยากหาที่หลบแดดแล้ว"
   ชายคนที่  4  กล่าวสรุปว่า  "ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม  ถ้าหากไม่มีพระอาทตย์แล้วละก็  น่ากลัว มนุษยชาติคงไม่สามารถดำรงอยู่ได้อีกต่อไป"

     ชายตาบอดคนนั้นได้ฟังคำพูดเหล่านี้แล้ว  รู้สึกน่าสนใจ จึงเดินไปหยุดตรงหน้าคนกลุ่มนั้น ถามอย่างสุภาพอ่อนน้อมว่า "ขอเรียนถามทุกท่าน พระอาทิตย์จริง ๆ แล้วมีลักษณะอย่างไร"
   ชายกลุ่มนั้นถูกถามจนนิ่งงันไป ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เงียบไปสักครูหนึ่ง  ชายคนหนึ่งก็บอกไปว่า "พระอาทิตย์เป็นของที่มีลักษณะกลม ๆ เหมือนถาดทองแดงที่ส่องแสงออกจากตัว"

     แต่ทว่าอะไรเรียกว่า "กลม" อะไรคือการ "ส่องแสง" อะไรเรียกว่า "ถาดทองแดง" ชายตาบอดคนนั้นล้วนไม่รู้จัก
    ชายคนนั้นไม่รู้จะทำอย่างไรดี  ได้แต่เคาะถาดทองแดงในมือตัวเองพลางบอกว่า "ก็คือของอันนี้แหละ  แกเข้าใจหรือยัง"
         ชายตาบอดพยักหน้างึกงัก  แสดงท่าว่าเข้าใจแล้ว
        วันถัดมา  ชายตาบอดคนนั้นเดินผ่านหน้าวัดพอดีกับเป็นเวลาพระเคาะระฆัง พอเขาได้ยินเสียงระฆังก็รู้สึกคล้ายกับเสียงเคาะถาดทองแดงที่ตนได้ยินเมื่อวาน เขาดีใจมาก ร้องตะโกนเสียงดังว่า "ทุกคนฟัง นี่ก็คือเสียงของพระอาทิตย์"

          ท่านสาธุชนทั้งหลาย...
 
      ผู้คนในโลกต่างก็ทำความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ โดยอาศัยการเปรียบเทียบกับประสบการณ์เดิมของตน หากสิ่งใดเป็นสิ่งที่พ้นเกินกว่าประสาทสัมผัสของมนุษย์ทั่วไปจะรับรู้ได้ มนุษย์ย่อมไม่เข้าใจสิ่งนั้น เพราะเหตุนี้เอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงอธิบายลักษณะของพระนิพพานด้วยการปฏิเสธว่า ไม่ใช่พระอาทิตย์  พระจันทร์  หรือสิ่งใด ๆ ที่มนุษย์ในโลกรู้จัก  แต่ทรงรับรองว่า   อายตนะนั้นมีอยู่ แต่ทว่าชาวโลกอีกไม่น้อยที่ปฏิเสธการมีอยู่ของทั้งพระนิพพาน นรก สวรรค์ บุญ บาป กฏแห่งกรรม  เพราะถือว่าตัวไม่เห็น  พวกเราทุกคนอย่าเป็นอย่างนั้นนะ ขอให้ตั้งใจปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรม  สามารถไปรู้ไปเห็นสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวของเราเอง ด้วยญาณทัสสนะของพระธรรม  แล้วเราจะรู้ว่า เราเกิดมาจากไหน  เกิดมาทำไม  มีหน้าที่อะไร  ตายแล้วเราจะไปไหน  ซึ่งเป็นความรู้พื้นฐานที่ทำให้เราเป็นบุคคลที่ตื่นแล้ว  พร้อมจะก้าวเดินไปสู่ความสุขความสำเร็จที่นิรันดร์
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น