วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556

คุณกตัญญูต่อแม่แน่หรือยัง !

     

       พระคุณของแม่ก็เหมือนหนี้ที่จ่ายเท่าไรก็ไม่มีหมด  เพราะธนาคารความรักของแม่ขยันปล่อยกู้ให้ลูกอย่างไม่มีหยุดยั้ง ท้องคลังพลังแห่งความรักของแม่คงกว้างขวางมาก แม่จึงป้ำได้ขนาดนี้ แถมยังไม่คิดดอกเบี้ย หรือไม่เคยฟ้องล้มละลายเรา ! 
     แม้ว่าแม่จะไม่คิดทำอย่างนั้น  แต่ขืนลูกหนี้อย่างเราไม่คิดทำความดีตอบแทนแม่บ้างคงไม่ดีแน่
     ลองทำแบบทดสอบนี้กันหน่อยไหมครับ  เผื่อคุณจะได้คำตอบว่า คุณกตัญญูต่อแม่แน่หรือเปล่า

      1.ส่วนมากเวลาแม่กับคุณทะเลาะกัน  ใครเป็นคนเริ่มก่อน
          ก.แม่แน่นอน !
          ข.จะใครล่ะ  ถ้าไม่ใช่ฉัน
          ค.สลับกันเป็นฝ่ายเปิดเกมเสิร์ฟเรื่อยไป
          ง.มีคนอื่นคอยชงประเด็นให้คุณแม่

     2.แล้วสุดท้ายส่วนมากใครเป็นคนหยุด
        ก.แม่ก็รู้ว่าลูกแม่ฤทธิ์เยอะขนาดไหน  เดี๋ยวแม่ก็ถอยทัพไปเองนั่นแหละ
        ข.ฮึ ! ลองฉันเงียบเข้าหน่อย เดี๋ยวแม่ก็ไม่รู้จะเถียงกับใครแล้ว
        ค.ต้องมีกรรมการคอยจับฝ่ายแดงกับฝ่ายน้ำเงินแยกมุมันอยู่เสมอ
        ง.ถ้าไม่มีใครเจ็บคอเสียก่อนคงไม่ลงจากสังเวียนง่ายๆหรอก

     3.แล้วสองแม่ลูกกลับมากอดคอกันแหววเหมือนเดิมได้อย่างไร
        ก.ไม่ต้องทำอะไร  วันรุ่งขึ้นเดี๋ยวก็กลับมาคุยกันเหมือนเดิมเอง  เมื่อคืนก็เถียงกันไปงั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอก
        ข.ต้องมีสักคนลุกขี้นมาขอโทษอีกฝ่าก่อน แต่ต้องเป็นคนที่ทำผิดนะ ถ้าไม่ผิดก็ไม่ต้องขอโทษก่อน
        ค.รู้ตัวว่าเหนื่อยเกินไปที่จะโกรธกันต่อเลยรีบคุยกันอีกกว่า ใครผิดใครถูกไม่รู้แหละ เบื่อบรรยากาศมากแล้ว
        ง.ถึงตอนนี้ก็ยังไม่คุยกันเลย

     4.ถ้าคุณรู็้ว่า แม่ไม่ชอบแฟนใหม่ของคุณเอาเสียเลย คุณจะ่ำทำอย่างไร
         ก.เลิกกับแฟนทันที แฟนน่ะมีหลายคนได้ (แต่ไม่พร้อมกัน) แต่แม่มีได้คนเดียว มันต้องมีสักคนละว้าที่แม่ชอบ
         ข.เอาน่า ! ที่แม่ไม่ชอบแฟนของเรา เพราะแม่เป็นห่วงเรานี่นา แม่คนไหนล่ะจะไม่อยากให้ลูกมีคนรักที่ดี แต่ของแบบนี้คงต้องใช้เวลาพิสูจน์  วันหนึ่งทั้งคู่คงเข้าใจกันได้ หรือไม่งั้น แม่อาจจะพูดถูกก็ได้ ! โปรดติดตามตอนต่อไป
        ค.โหย ! แม่ ! จะรักจะชอบใครมันก็สิทธิ์ของลูกนะ ! โตแล้วนะแม่ !
        ง.บอกแม่ว่าเิลิกกับแฟนแล้ว เพื่อความสบายใจของแม่ แต่จริงๆยังคบหากันเป็นปกติ แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง

     5.ถ้่าเลือกได้ คุณอยากให้แม่เปลี่ยนเป็นแบบไหน
        ก.ถ้าแม่สวยกว่านี้  ฉันคงหน้าตาดีกว่านี้
        ข.ถ้าแม่ขี้บ่นน้อยกว่านี้  ฉันคงไม่หนวกหูแบบนี้
        ค.ถ้าแม่รวยกว่านี้  ฉันคงสบายมากกว่านี้
        ง.ถ้าแม่ลองมาเป็นลูก  แล้วให้ฉันเป็นแม่ คงสนุกพิลึก !

      6.คุณฝันไว้ว่า.....
         ก.อยากมีเงินเยอะๆจะได้ปลูกบ้านหลังใหญ่ๆให้แม่อยู่
         ข.อยากให้แม่อยู่กับคุณตลอดชีวิต
         ค.อยากให้แม่ไม่เจ็บ  ไม่ป่วย  ไม่ไข้
         ง.อยากให้แม่ไม่ต้องทำงาน อยู่บ้่านเฉยๆ

เฉลย
  ข้อ 1-3

    มีแม่ลูกคู่ไหนบ้า่งที่ไม่เคยทะเลาะกันแม้แต่ครั้งเดียว  ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างคนในครอบครัวเป็นเื่รื่องธรรมดา ไม่สำคัญว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน หรือใครผิดใครถูก  แต่สำคัญที่ว่าเมื่อทะเลาะกันแล้วจะคืนดีกันได้อย่างไรมากกว่า  คนเรามีสิทธิ์มองต่างมุมได้ แต่อย่าไปยึดว่าความคิดของเราเท่านั้นที่ถูกต้องและแน่นอนว่าคนเรามีสิทธิ์ผิดพลาดได้เหมือนกัน
    ปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนมากเป็นเพราะอารมณ์เป็นตัวเติมเชื้อเพลิงไฟให้ร้อนขึ้น  หลายครั้งที่เรื่องระหว่างแม่ลูกบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่โตเพียงเพราะต่างฝ่ายต่างใช้อารมณ์เข้ามาถล่มใส่กัน  และมักเก็บเอาอารมณ์ของอีกฝ่ายมาเป็นเหตุให้เราขุ่นข้องหมองใจซึ่งกันและกัน  มากกว่าจะมองไปยังเหตุผลของอีกฝ่ายและรับฟังในเหตุผลนั้น
     ตัวอย่างคลาสสิกที่หลายคนคงเคยเจอก็คือ  เวลาเรากลับบ้านดึกมากๆแม่ก็มักจะตวาดใส่เรา เห็นแม่ว่าเราแบบนั้นเราก็พลอยโกรธแม่ไปด้วย ทีนี้ทั้งแม่ทั้งลูกเลยระเบิดอารมณ์ใส่กันอย่างดุเดือดเข้าไปใหญ่ แต่หากเราถอยหลังตั้งสติจะเห็นได้ว่า เมื่อถอดคำพูดระหว่างบรรทัดที่แม่ว่าเราออกมาจะแปลได้ว่าเป็นห่วงเรา  แต่การแสดงออกของแม่ อาจจะสวนทางกับที่ใจนึก เพราะตอนนั้นแม่กำลังโมโห เราควรเข้าใจว่า ที่แม่พูดจาไม่ดีใส่เรานั้น เป็นผลมาจากแม่ไม่สามารถเอาชนะความโกรธในใจแม่ได้ ตอนนั้นแม่กำลังอ่อนแอ แม่กำลังโดนอธรรมเข้าครอบครองใจให้แม่ต้องบันดาลโทสะแบบนั้น  เราควรเมตตาแม่มากกว่าจะเป็นอีกคนที่ถูกกิเลสครอบงำ
      และที่บอกว่า  ไม่สำคัญว่าใครเริ่มก่อน ก็เพราะว่า เราทุกคนมีสิทธิ์ผิดพลาดกันได้  ไม่เว้นแม้แต่คนเป็นแม่ แม่ก็เพิ่งเคยแม่ตอนที่มีคุณเป็นลูกนี่แหละ  เพราะฉะนั้นถ้าแม่ทำผิด  เป็นเรื่องยากนักหรือที่คุณจะให้อภัยคนที่ให้อภัยคุณได้ตลอดทั้งชีวิต  เช่นเดียวกับการขอโทษแม่ในสิ่งที่เราทำผิด เพราะแม่พร้อมจะให้อภัยเราได้เสมอ และต่อให้คุณถูกอย่างทนโท่ ก็ไม่ต้องกลัวเสียฟอร์มที่จะเข้าไปคุยกับแม่ก่อนหรอก เพราะถึงอย่างไรมันคือเรื่องของความรัก ไม่ใช่การเอาชนะหรือการรักษาฟอร์ม ลองถามตัวเองว่า  เวลาคุยกับแม่แล้วสบายใจหรือเปล่า เรื่องในครอบครัวไม่ควรต้องมีฝ่ายใดชนะฝ่ายใดแพ้  แต่เราควรชนะกันทั้งคู่  คำว่า "ชนะ" นี้ไม่ได้หมายความว่า คนที่ผิดจะกลายเป็นคนถูก หรือคนที่ถูกต้องได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ  แต่มันคือการลดทิฎฐิของตัวเอง และใช้ความรักในการประสานรอยร้าว   จนไม่เหลือคำว่า "ฝ่ายนั้น " หรือ "ฝ่ายนี้" แต่จะหลอมรวมกันเป็นคำว่า "เรา"  
         การกตัญญูต่อแม่วิธีหนึ่งคือการ  "ขอโทษ"  อย่างจริงใจ  ในสิ่งที่เี่ีราทำพลาดและพร้อมจะให้อภัยในสิ่งที่แม่ทำพลาดได้เช่นกัน
 

   ข้อ  4
    
    ไม่เฉพาะเรื่องแฟนเท่านั้น ข้อนี้ยังกินความรวมไปถึงการที่คุณทำหรือคุณเป็นในสิ่งที่คุณรัก แต่บังเอิญเป็นสิ่งที่แม่ไม่ชอบด้วย คุณสามารถเป็น ทา ทา ยัง "อยากเก็บเธอไ้ว้ทั้งสองคน" ได้โดยไม่ต้องเลือกข้าง ที่แม่ไม่ชอบแฟนของคุณ อาจเป็นเพราะท่านอยากให้คุณมีคนรักที่ดี ซึ่งการจะรู้ได้ว่าใครดีหรือไม่ดี คงต้องอาศัยเวลา มันเป็นไปได้ว่าคุณแม่คุณอาจจะพูดถูก  แฟนคุณอาจจะไม่ดีจริงก็ได้ หรือคุณแม่คุณอาจจะต้องใช้เวลาหน่อยในการยอมรับแฟนของคุณ  ซึ่งมันก็เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย แม่คุณจะได้มั่นใจมากขึ้น  คุณเองก็จะได้มั่นใจในตัวคุณและแฟนมากขึ้นเช่นกัน และอย่างน้อยทั้งคุณและแม่ก็จะได้เรียนรู้ด้วยกันทั้งคู่ ดีกว่าเลิกกับแฟนทันทีเพียงเพราะแม่ไม่ชอบ (อย่าลืมสิว่า แม่ก็มีเซนส์ผิดได้) หรือโกหกแม่ว่าเลิกกันแล้วทั้งๆที่ยังไม่เลิก
     คนไทยเราปลูกฝังเรื่องความกตัญญู  การเชื่อฟังพ่อแม่ว่าเป็นสิ่งที่ดี  แต่พ่อแม่หลายคน  รวมทั้งลูกด้วยมักตีความผิด  กลายเป็นว่าลูกต้องซ้ายหันขวาหันตามที่พ่อแม่สั่งไปเสียหมด จนเครียดที่ถูกคาดคั้นให้ต้องเป็นและคิดอย่างที่พ่อแม่อยาก และกลายเป็นว่าสายตาที่ลูกมองโลกไม่ใช่สายตาของลูกเอง แต่เป็นสายตาของพ่อแม่ ผลเสียนี้เกิดกับพ่อแม่เหมือนกัน เพราะพ่อแม่จะเครียดที่ลูกไม่เป็นไปตามที่ต้องการ แต่พ่อแม่ทั้งหลายอย่าลืมว่า  ขนาดเราใช้ชีวิตของตัวเองให้เป็นไปตามที่ต้องการยังยากเลย นับประสาอะไรกับการใช้ชีวิตของคนอื่นให้เป็นไปตามความต้องการของตัวเอง เราต้องไม่ลืมว่าโลกนี้ไม่ใช่โลกของเราคนเดียว จะให้โลกเป็นไปตามที่เราอยากได้คนเดียวคงไม่ได้
     ที่พูดแบบนี้  ไม่ได้หมายความว่าลูกจะไม่ต้องเชื่อฟังพ่อแม่กันเลย เพราะทางเดินในชีวิตเราคงจะโดดเดี่ยวเกินไปมาก หากไม่มีท่านมาชี้แนะ  บางอย่างเราสามารถเรียนลัดได้จากชีวิตคนอื่น หากสิ่งไหนเป็นสิ่งที่ดีที่ท่้านสอน เราก็พึงประพฤติปฏิบัติตาม และแน่นอนว่าสิ่งไหนที่ท่านแสดงเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี เราก็พึงรู้ว่ามันคือสิ่งไม่ดีที่ไม่ควร
     อย่ากลัวที่จะล้ม  และอย่าเสียใจที่พ่อแม่ไม่ช่วยพยุงคุณให้ลุกขึ้นใหม่ เพราะนั่นเป็นวิถีที่่ท่านกำลังสอนให้เราเข้มแข็งด้วยตัวเองอยู่ และนั่นแหละคือวิธีที่ท่าน "พยุง" คุณละ !

    ข้อ 5

       ก.คุณจะอยา่กให้แม่คุณสวยกว่านี้เพื่อให้คุณหน้าตาดีขึ้นไปทำไมล่ะ  ในเมื่อสำหรับแม่แล้ว คุณคือทารกที่น่ารักที่สุดในโลก และต่อให้คุณหน้าตาดีขี้นหรือแย่ลง  ความรักของแม่ก็ไม่แปรผันไปตามรูปกายของคุณอยู่แล้ว อ้อ ! และถ้าคุณอยากหน้าตาดีขึ้นจริงๆจะลากแม่ให้มาลำบากด้วยทำไม   ปรึกษายันฮีง่ายกว่าไหม !

       ข.คุณไม่มีทางทำให้แม่บ่นได้น้อยลงหรอก  แม่บ่นเพราะแม่รัก  คิดเสียว่าทุกครั้งที่แม่บ่น แม่กำลังบอกรักเราอยู่้

        ค.คุณจะอยากให้แม่รวยกว่านี้....เพื่อคุณจะได้สบายทำไม  คุณนั่นแหละที่ควรทำให้แม่สบาย !

        ง."เอาไว้วันที่มาเป็นพ่อเป็นแม่  เดี๋ยวก็รู้ !" แม่คุณก็กำลังคิดแบบนี้

   ข้อ 6

      ก.คุณจะมีบ้านหลับใหญ่ๆไว้ทำไม ถ้าแม่ต้องอยู่บ้านเหงาๆคนเดียว  และก็ไม่ต้องรอให้มีเงินเยอะๆก่อนหรอก คุณถึงทำให้แม่มีความสุขได้
     
      ข.นี่คือความจริง ! ที่คุณต้องขีดเส้นใต้ "แม่ไม่มีวันอยู่กับคุณได้ตลอดชีวิต" แต่ระหว่างที่มีชีวิตอยู่ เราได้ทำอะไรให้ท่านแล้วหรือยัง

      ค.นี่คือความจริง ! ที่คุณต้องขีดเส้นใต้ "แม่ไม่มีวันไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่ไข้" แต่คุณจะทำยังไงให้แม่ยังยิ้มออกและมีกำลังใจเวลาที่ท่านไม่สบายต่างหากล่ะ

      ง.อะไรก็ตามที่แม่ทำแล้วมีความสุข  ก็ให้แม่ทำเถอะ  ขืนให้แม่อยู่บ้านเฉยๆแม่คงเฉาเหมือนต้นไม้ขาดน้ำ

       สงสัยไหมครับ ? ว่าทำไมไม่มีการให้คะแนนแบบทดสอบนี้ ก็เพราะการจะชี้ว่าใครกตัญญูหรือไม่เป็นเรื่องยาก  เนื่องจากความกตัญญูก็ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นแบบความสวยงามของหน้าตาเมื่อไหร่
       คุณต่างหากล่ะครับ ที่ต้องถามตัวเองและตอบตัวเองให้ได้ว่า คุณทำดีต่อแม่บ้างหรือยัง อย่างน้อยการเริ่มต้นตั้งคำถามกับตัวเอง ก็คงช่วยให้คุณหันกลับมาทบทวนตัวเองได้
       คุณเริ่มต้นได้สวยแล้วครับ เหลือแต่ว่าก้าวต่อจากนี้ไป  คุณจะทำอย่างไรเพื่อตอบแทนพระคุณแ่ม่
       
        ได้คำตอบหรือยังครับ..

"แรงบันดาลใจที่จะทำให้ลูกดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องและงดงามนั้น ก็คือแม่ของเขานั่นเอง ไม่ใช่คนอื่น"

ขอบคุณที่มา : นิตยสาร อริยะ สร้างได้ สาริกา ปีที่ 9 ฉบับที่ 84 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น