พระคุณของแม่ก็เหมือนหนี้ที่จ่ายเท่าไรก็ไม่มีหมด เพราะธนาคารความรักของแม่ขยันปล่อยกู้ให้ลูกอย่างไม่มีหยุดยั้ง ท้องคลังพลังแห่งความรักของแม่คงกว้างขวางมาก แม่จึงป้ำได้ขนาดนี้ แถมยังไม่คิดดอกเบี้ย หรือไม่เคยฟ้องล้มละลายเรา !
แม้ว่าแม่จะไม่คิดทำอย่างนั้น แต่ขืนลูกหนี้อย่างเราไม่คิดทำความดีตอบแทนแม่บ้างคงไม่ดีแน่
ลองทำแบบทดสอบนี้กันหน่อยไหมครับ เผื่อคุณจะได้คำตอบว่า คุณกตัญญูต่อแม่แน่หรือเปล่า
1.ส่วนมากเวลาแม่กับคุณทะเลาะกัน ใครเป็นคนเริ่มก่อน
ก.แม่แน่นอน !
ข.จะใครล่ะ ถ้าไม่ใช่ฉัน
ค.สลับกันเป็นฝ่ายเปิดเกมเสิร์ฟเรื่อยไป
ง.มีคนอื่นคอยชงประเด็นให้คุณแม่
2.แล้วสุดท้ายส่วนมากใครเป็นคนหยุด
ก.แม่ก็รู้ว่าลูกแม่ฤทธิ์เยอะขนาดไหน เดี๋ยวแม่ก็ถอยทัพไปเองนั่นแหละ
ข.ฮึ ! ลองฉันเงียบเข้าหน่อย เดี๋ยวแม่ก็ไม่รู้จะเถียงกับใครแล้ว
ค.ต้องมีกรรมการคอยจับฝ่ายแดงกับฝ่ายน้ำเงินแยกมุมันอยู่เสมอ
ง.ถ้าไม่มีใครเจ็บคอเสียก่อนคงไม่ลงจากสังเวียนง่ายๆหรอก
3.แล้วสองแม่ลูกกลับมากอดคอกันแหววเหมือนเดิมได้อย่างไร
ก.ไม่ต้องทำอะไร วันรุ่งขึ้นเดี๋ยวก็กลับมาคุยกันเหมือนเดิมเอง เมื่อคืนก็เถียงกันไปงั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอก
ข.ต้องมีสักคนลุกขี้นมาขอโทษอีกฝ่าก่อน แต่ต้องเป็นคนที่ทำผิดนะ ถ้าไม่ผิดก็ไม่ต้องขอโทษก่อน
ค.รู้ตัวว่าเหนื่อยเกินไปที่จะโกรธกันต่อเลยรีบคุยกันอีกกว่า ใครผิดใครถูกไม่รู้แหละ เบื่อบรรยากาศมากแล้ว
ง.ถึงตอนนี้ก็ยังไม่คุยกันเลย
4.ถ้าคุณรู็้ว่า แม่ไม่ชอบแฟนใหม่ของคุณเอาเสียเลย คุณจะ่ำทำอย่างไร
ก.เลิกกับแฟนทันที แฟนน่ะมีหลายคนได้ (แต่ไม่พร้อมกัน) แต่แม่มีได้คนเดียว มันต้องมีสักคนละว้าที่แม่ชอบ
ข.เอาน่า ! ที่แม่ไม่ชอบแฟนของเรา เพราะแม่เป็นห่วงเรานี่นา แม่คนไหนล่ะจะไม่อยากให้ลูกมีคนรักที่ดี แต่ของแบบนี้คงต้องใช้เวลาพิสูจน์ วันหนึ่งทั้งคู่คงเข้าใจกันได้ หรือไม่งั้น แม่อาจจะพูดถูกก็ได้ ! โปรดติดตามตอนต่อไป
ค.โหย ! แม่ ! จะรักจะชอบใครมันก็สิทธิ์ของลูกนะ ! โตแล้วนะแม่ !
ง.บอกแม่ว่าเิลิกกับแฟนแล้ว เพื่อความสบายใจของแม่ แต่จริงๆยังคบหากันเป็นปกติ แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง
5.ถ้่าเลือกได้ คุณอยากให้แม่เปลี่ยนเป็นแบบไหน
ก.ถ้าแม่สวยกว่านี้ ฉันคงหน้าตาดีกว่านี้
ข.ถ้าแม่ขี้บ่นน้อยกว่านี้ ฉันคงไม่หนวกหูแบบนี้
ค.ถ้าแม่รวยกว่านี้ ฉันคงสบายมากกว่านี้
ง.ถ้าแม่ลองมาเป็นลูก แล้วให้ฉันเป็นแม่ คงสนุกพิลึก !
6.คุณฝันไว้ว่า.....
ก.อยากมีเงินเยอะๆจะได้ปลูกบ้านหลังใหญ่ๆให้แม่อยู่
ข.อยากให้แม่อยู่กับคุณตลอดชีวิต
ค.อยากให้แม่ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่ไข้
ง.อยากให้แม่ไม่ต้องทำงาน อยู่บ้่านเฉยๆ
เฉลย
ข้อ 1-3
มีแม่ลูกคู่ไหนบ้า่งที่ไม่เคยทะเลาะกันแม้แต่ครั้งเดียว ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างคนในครอบครัวเป็นเื่รื่องธรรมดา ไม่สำคัญว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน หรือใครผิดใครถูก แต่สำคัญที่ว่าเมื่อทะเลาะกันแล้วจะคืนดีกันได้อย่างไรมากกว่า คนเรามีสิทธิ์มองต่างมุมได้ แต่อย่าไปยึดว่าความคิดของเราเท่านั้นที่ถูกต้องและแน่นอนว่าคนเรามีสิทธิ์ผิดพลาดได้เหมือนกัน
ปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนมากเป็นเพราะอารมณ์เป็นตัวเติมเชื้อเพลิงไฟให้ร้อนขึ้น หลายครั้งที่เรื่องระหว่างแม่ลูกบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่โตเพียงเพราะต่างฝ่ายต่างใช้อารมณ์เข้ามาถล่มใส่กัน และมักเก็บเอาอารมณ์ของอีกฝ่ายมาเป็นเหตุให้เราขุ่นข้องหมองใจซึ่งกันและกัน มากกว่าจะมองไปยังเหตุผลของอีกฝ่ายและรับฟังในเหตุผลนั้น
ตัวอย่างคลาสสิกที่หลายคนคงเคยเจอก็คือ เวลาเรากลับบ้านดึกมากๆแม่ก็มักจะตวาดใส่เรา เห็นแม่ว่าเราแบบนั้นเราก็พลอยโกรธแม่ไปด้วย ทีนี้ทั้งแม่ทั้งลูกเลยระเบิดอารมณ์ใส่กันอย่างดุเดือดเข้าไปใหญ่ แต่หากเราถอยหลังตั้งสติจะเห็นได้ว่า เมื่อถอดคำพูดระหว่างบรรทัดที่แม่ว่าเราออกมาจะแปลได้ว่าเป็นห่วงเรา แต่การแสดงออกของแม่ อาจจะสวนทางกับที่ใจนึก เพราะตอนนั้นแม่กำลังโมโห เราควรเข้าใจว่า ที่แม่พูดจาไม่ดีใส่เรานั้น เป็นผลมาจากแม่ไม่สามารถเอาชนะความโกรธในใจแม่ได้ ตอนนั้นแม่กำลังอ่อนแอ แม่กำลังโดนอธรรมเข้าครอบครองใจให้แม่ต้องบันดาลโทสะแบบนั้น เราควรเมตตาแม่มากกว่าจะเป็นอีกคนที่ถูกกิเลสครอบงำ
และที่บอกว่า ไม่สำคัญว่าใครเริ่มก่อน ก็เพราะว่า เราทุกคนมีสิทธิ์ผิดพลาดกันได้ ไม่เว้นแม้แต่คนเป็นแม่ แม่ก็เพิ่งเคยแม่ตอนที่มีคุณเป็นลูกนี่แหละ เพราะฉะนั้นถ้าแม่ทำผิด เป็นเรื่องยากนักหรือที่คุณจะให้อภัยคนที่ให้อภัยคุณได้ตลอดทั้งชีวิต เช่นเดียวกับการขอโทษแม่ในสิ่งที่เราทำผิด เพราะแม่พร้อมจะให้อภัยเราได้เสมอ และต่อให้คุณถูกอย่างทนโท่ ก็ไม่ต้องกลัวเสียฟอร์มที่จะเข้าไปคุยกับแม่ก่อนหรอก เพราะถึงอย่างไรมันคือเรื่องของความรัก ไม่ใช่การเอาชนะหรือการรักษาฟอร์ม ลองถามตัวเองว่า เวลาคุยกับแม่แล้วสบายใจหรือเปล่า เรื่องในครอบครัวไม่ควรต้องมีฝ่ายใดชนะฝ่ายใดแพ้ แต่เราควรชนะกันทั้งคู่ คำว่า "ชนะ" นี้ไม่ได้หมายความว่า คนที่ผิดจะกลายเป็นคนถูก หรือคนที่ถูกต้องได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ แต่มันคือการลดทิฎฐิของตัวเอง และใช้ความรักในการประสานรอยร้าว จนไม่เหลือคำว่า "ฝ่ายนั้น " หรือ "ฝ่ายนี้" แต่จะหลอมรวมกันเป็นคำว่า "เรา"
การกตัญญูต่อแม่วิธีหนึ่งคือการ "ขอโทษ" อย่างจริงใจ ในสิ่งที่เี่ีราทำพลาดและพร้อมจะให้อภัยในสิ่งที่แม่ทำพลาดได้เช่นกัน
ข้อ 4
ไม่เฉพาะเรื่องแฟนเท่านั้น ข้อนี้ยังกินความรวมไปถึงการที่คุณทำหรือคุณเป็นในสิ่งที่คุณรัก แต่บังเอิญเป็นสิ่งที่แม่ไม่ชอบด้วย คุณสามารถเป็น ทา ทา ยัง "อยากเก็บเธอไ้ว้ทั้งสองคน" ได้โดยไม่ต้องเลือกข้าง ที่แม่ไม่ชอบแฟนของคุณ อาจเป็นเพราะท่านอยากให้คุณมีคนรักที่ดี ซึ่งการจะรู้ได้ว่าใครดีหรือไม่ดี คงต้องอาศัยเวลา มันเป็นไปได้ว่าคุณแม่คุณอาจจะพูดถูก แฟนคุณอาจจะไม่ดีจริงก็ได้ หรือคุณแม่คุณอาจจะต้องใช้เวลาหน่อยในการยอมรับแฟนของคุณ ซึ่งมันก็เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย แม่คุณจะได้มั่นใจมากขึ้น คุณเองก็จะได้มั่นใจในตัวคุณและแฟนมากขึ้นเช่นกัน และอย่างน้อยทั้งคุณและแม่ก็จะได้เรียนรู้ด้วยกันทั้งคู่ ดีกว่าเลิกกับแฟนทันทีเพียงเพราะแม่ไม่ชอบ (อย่าลืมสิว่า แม่ก็มีเซนส์ผิดได้) หรือโกหกแม่ว่าเลิกกันแล้วทั้งๆที่ยังไม่เลิก
คนไทยเราปลูกฝังเรื่องความกตัญญู การเชื่อฟังพ่อแม่ว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่พ่อแม่หลายคน รวมทั้งลูกด้วยมักตีความผิด กลายเป็นว่าลูกต้องซ้ายหันขวาหันตามที่พ่อแม่สั่งไปเสียหมด จนเครียดที่ถูกคาดคั้นให้ต้องเป็นและคิดอย่างที่พ่อแม่อยาก และกลายเป็นว่าสายตาที่ลูกมองโลกไม่ใช่สายตาของลูกเอง แต่เป็นสายตาของพ่อแม่ ผลเสียนี้เกิดกับพ่อแม่เหมือนกัน เพราะพ่อแม่จะเครียดที่ลูกไม่เป็นไปตามที่ต้องการ แต่พ่อแม่ทั้งหลายอย่าลืมว่า ขนาดเราใช้ชีวิตของตัวเองให้เป็นไปตามที่ต้องการยังยากเลย นับประสาอะไรกับการใช้ชีวิตของคนอื่นให้เป็นไปตามความต้องการของตัวเอง เราต้องไม่ลืมว่าโลกนี้ไม่ใช่โลกของเราคนเดียว จะให้โลกเป็นไปตามที่เราอยากได้คนเดียวคงไม่ได้
ที่พูดแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่าลูกจะไม่ต้องเชื่อฟังพ่อแม่กันเลย เพราะทางเดินในชีวิตเราคงจะโดดเดี่ยวเกินไปมาก หากไม่มีท่านมาชี้แนะ บางอย่างเราสามารถเรียนลัดได้จากชีวิตคนอื่น หากสิ่งไหนเป็นสิ่งที่ดีที่ท่้านสอน เราก็พึงประพฤติปฏิบัติตาม และแน่นอนว่าสิ่งไหนที่ท่านแสดงเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี เราก็พึงรู้ว่ามันคือสิ่งไม่ดีที่ไม่ควร
อย่ากลัวที่จะล้ม และอย่าเสียใจที่พ่อแม่ไม่ช่วยพยุงคุณให้ลุกขึ้นใหม่ เพราะนั่นเป็นวิถีที่่ท่านกำลังสอนให้เราเข้มแข็งด้วยตัวเองอยู่ และนั่นแหละคือวิธีที่ท่าน "พยุง" คุณละ !
ข้อ 5
ก.คุณจะอยา่กให้แม่คุณสวยกว่านี้เพื่อให้คุณหน้าตาดีขึ้นไปทำไมล่ะ ในเมื่อสำหรับแม่แล้ว คุณคือทารกที่น่ารักที่สุดในโลก และต่อให้คุณหน้าตาดีขี้นหรือแย่ลง ความรักของแม่ก็ไม่แปรผันไปตามรูปกายของคุณอยู่แล้ว อ้อ ! และถ้าคุณอยากหน้าตาดีขึ้นจริงๆจะลากแม่ให้มาลำบากด้วยทำไม ปรึกษายันฮีง่ายกว่าไหม !
ข.คุณไม่มีทางทำให้แม่บ่นได้น้อยลงหรอก แม่บ่นเพราะแม่รัก คิดเสียว่าทุกครั้งที่แม่บ่น แม่กำลังบอกรักเราอยู่้
ค.คุณจะอยากให้แม่รวยกว่านี้....เพื่อคุณจะได้สบายทำไม คุณนั่นแหละที่ควรทำให้แม่สบาย !
ง."เอาไว้วันที่มาเป็นพ่อเป็นแม่ เดี๋ยวก็รู้ !" แม่คุณก็กำลังคิดแบบนี้
ข้อ 6
ก.คุณจะมีบ้านหลับใหญ่ๆไว้ทำไม ถ้าแม่ต้องอยู่บ้านเหงาๆคนเดียว และก็ไม่ต้องรอให้มีเงินเยอะๆก่อนหรอก คุณถึงทำให้แม่มีความสุขได้
ข.นี่คือความจริง ! ที่คุณต้องขีดเส้นใต้ "แม่ไม่มีวันอยู่กับคุณได้ตลอดชีวิต" แต่ระหว่างที่มีชีวิตอยู่ เราได้ทำอะไรให้ท่านแล้วหรือยัง
ค.นี่คือความจริง ! ที่คุณต้องขีดเส้นใต้ "แม่ไม่มีวันไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่ไข้" แต่คุณจะทำยังไงให้แม่ยังยิ้มออกและมีกำลังใจเวลาที่ท่านไม่สบายต่างหากล่ะ
ง.อะไรก็ตามที่แม่ทำแล้วมีความสุข ก็ให้แม่ทำเถอะ ขืนให้แม่อยู่บ้านเฉยๆแม่คงเฉาเหมือนต้นไม้ขาดน้ำ
สงสัยไหมครับ ? ว่าทำไมไม่มีการให้คะแนนแบบทดสอบนี้ ก็เพราะการจะชี้ว่าใครกตัญญูหรือไม่เป็นเรื่องยาก เนื่องจากความกตัญญูก็ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นแบบความสวยงามของหน้าตาเมื่อไหร่
คุณต่างหากล่ะครับ ที่ต้องถามตัวเองและตอบตัวเองให้ได้ว่า คุณทำดีต่อแม่บ้างหรือยัง อย่างน้อยการเริ่มต้นตั้งคำถามกับตัวเอง ก็คงช่วยให้คุณหันกลับมาทบทวนตัวเองได้
คุณเริ่มต้นได้สวยแล้วครับ เหลือแต่ว่าก้าวต่อจากนี้ไป คุณจะทำอย่างไรเพื่อตอบแทนพระคุณแ่ม่
ได้คำตอบหรือยังครับ..
"แรงบันดาลใจที่จะทำให้ลูกดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องและงดงามนั้น ก็คือแม่ของเขานั่นเอง ไม่ใช่คนอื่น"
ขอบคุณที่มา : นิตยสาร อริยะ สร้างได้ สาริกา ปีที่ 9 ฉบับที่ 84
ไม่เฉพาะเรื่องแฟนเท่านั้น ข้อนี้ยังกินความรวมไปถึงการที่คุณทำหรือคุณเป็นในสิ่งที่คุณรัก แต่บังเอิญเป็นสิ่งที่แม่ไม่ชอบด้วย คุณสามารถเป็น ทา ทา ยัง "อยากเก็บเธอไ้ว้ทั้งสองคน" ได้โดยไม่ต้องเลือกข้าง ที่แม่ไม่ชอบแฟนของคุณ อาจเป็นเพราะท่านอยากให้คุณมีคนรักที่ดี ซึ่งการจะรู้ได้ว่าใครดีหรือไม่ดี คงต้องอาศัยเวลา มันเป็นไปได้ว่าคุณแม่คุณอาจจะพูดถูก แฟนคุณอาจจะไม่ดีจริงก็ได้ หรือคุณแม่คุณอาจจะต้องใช้เวลาหน่อยในการยอมรับแฟนของคุณ ซึ่งมันก็เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย แม่คุณจะได้มั่นใจมากขึ้น คุณเองก็จะได้มั่นใจในตัวคุณและแฟนมากขึ้นเช่นกัน และอย่างน้อยทั้งคุณและแม่ก็จะได้เรียนรู้ด้วยกันทั้งคู่ ดีกว่าเลิกกับแฟนทันทีเพียงเพราะแม่ไม่ชอบ (อย่าลืมสิว่า แม่ก็มีเซนส์ผิดได้) หรือโกหกแม่ว่าเลิกกันแล้วทั้งๆที่ยังไม่เลิก
คนไทยเราปลูกฝังเรื่องความกตัญญู การเชื่อฟังพ่อแม่ว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่พ่อแม่หลายคน รวมทั้งลูกด้วยมักตีความผิด กลายเป็นว่าลูกต้องซ้ายหันขวาหันตามที่พ่อแม่สั่งไปเสียหมด จนเครียดที่ถูกคาดคั้นให้ต้องเป็นและคิดอย่างที่พ่อแม่อยาก และกลายเป็นว่าสายตาที่ลูกมองโลกไม่ใช่สายตาของลูกเอง แต่เป็นสายตาของพ่อแม่ ผลเสียนี้เกิดกับพ่อแม่เหมือนกัน เพราะพ่อแม่จะเครียดที่ลูกไม่เป็นไปตามที่ต้องการ แต่พ่อแม่ทั้งหลายอย่าลืมว่า ขนาดเราใช้ชีวิตของตัวเองให้เป็นไปตามที่ต้องการยังยากเลย นับประสาอะไรกับการใช้ชีวิตของคนอื่นให้เป็นไปตามความต้องการของตัวเอง เราต้องไม่ลืมว่าโลกนี้ไม่ใช่โลกของเราคนเดียว จะให้โลกเป็นไปตามที่เราอยากได้คนเดียวคงไม่ได้
ที่พูดแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่าลูกจะไม่ต้องเชื่อฟังพ่อแม่กันเลย เพราะทางเดินในชีวิตเราคงจะโดดเดี่ยวเกินไปมาก หากไม่มีท่านมาชี้แนะ บางอย่างเราสามารถเรียนลัดได้จากชีวิตคนอื่น หากสิ่งไหนเป็นสิ่งที่ดีที่ท่้านสอน เราก็พึงประพฤติปฏิบัติตาม และแน่นอนว่าสิ่งไหนที่ท่านแสดงเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี เราก็พึงรู้ว่ามันคือสิ่งไม่ดีที่ไม่ควร
อย่ากลัวที่จะล้ม และอย่าเสียใจที่พ่อแม่ไม่ช่วยพยุงคุณให้ลุกขึ้นใหม่ เพราะนั่นเป็นวิถีที่่ท่านกำลังสอนให้เราเข้มแข็งด้วยตัวเองอยู่ และนั่นแหละคือวิธีที่ท่าน "พยุง" คุณละ !
ข้อ 5
ก.คุณจะอยา่กให้แม่คุณสวยกว่านี้เพื่อให้คุณหน้าตาดีขึ้นไปทำไมล่ะ ในเมื่อสำหรับแม่แล้ว คุณคือทารกที่น่ารักที่สุดในโลก และต่อให้คุณหน้าตาดีขี้นหรือแย่ลง ความรักของแม่ก็ไม่แปรผันไปตามรูปกายของคุณอยู่แล้ว อ้อ ! และถ้าคุณอยากหน้าตาดีขึ้นจริงๆจะลากแม่ให้มาลำบากด้วยทำไม ปรึกษายันฮีง่ายกว่าไหม !
ข.คุณไม่มีทางทำให้แม่บ่นได้น้อยลงหรอก แม่บ่นเพราะแม่รัก คิดเสียว่าทุกครั้งที่แม่บ่น แม่กำลังบอกรักเราอยู่้
ค.คุณจะอยากให้แม่รวยกว่านี้....เพื่อคุณจะได้สบายทำไม คุณนั่นแหละที่ควรทำให้แม่สบาย !
ง."เอาไว้วันที่มาเป็นพ่อเป็นแม่ เดี๋ยวก็รู้ !" แม่คุณก็กำลังคิดแบบนี้
ข้อ 6
ก.คุณจะมีบ้านหลับใหญ่ๆไว้ทำไม ถ้าแม่ต้องอยู่บ้านเหงาๆคนเดียว และก็ไม่ต้องรอให้มีเงินเยอะๆก่อนหรอก คุณถึงทำให้แม่มีความสุขได้
ข.นี่คือความจริง ! ที่คุณต้องขีดเส้นใต้ "แม่ไม่มีวันอยู่กับคุณได้ตลอดชีวิต" แต่ระหว่างที่มีชีวิตอยู่ เราได้ทำอะไรให้ท่านแล้วหรือยัง
ค.นี่คือความจริง ! ที่คุณต้องขีดเส้นใต้ "แม่ไม่มีวันไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่ไข้" แต่คุณจะทำยังไงให้แม่ยังยิ้มออกและมีกำลังใจเวลาที่ท่านไม่สบายต่างหากล่ะ
ง.อะไรก็ตามที่แม่ทำแล้วมีความสุข ก็ให้แม่ทำเถอะ ขืนให้แม่อยู่บ้านเฉยๆแม่คงเฉาเหมือนต้นไม้ขาดน้ำ
สงสัยไหมครับ ? ว่าทำไมไม่มีการให้คะแนนแบบทดสอบนี้ ก็เพราะการจะชี้ว่าใครกตัญญูหรือไม่เป็นเรื่องยาก เนื่องจากความกตัญญูก็ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นแบบความสวยงามของหน้าตาเมื่อไหร่
คุณต่างหากล่ะครับ ที่ต้องถามตัวเองและตอบตัวเองให้ได้ว่า คุณทำดีต่อแม่บ้างหรือยัง อย่างน้อยการเริ่มต้นตั้งคำถามกับตัวเอง ก็คงช่วยให้คุณหันกลับมาทบทวนตัวเองได้
คุณเริ่มต้นได้สวยแล้วครับ เหลือแต่ว่าก้าวต่อจากนี้ไป คุณจะทำอย่างไรเพื่อตอบแทนพระคุณแ่ม่
ได้คำตอบหรือยังครับ..
"แรงบันดาลใจที่จะทำให้ลูกดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องและงดงามนั้น ก็คือแม่ของเขานั่นเอง ไม่ใช่คนอื่น"
ขอบคุณที่มา : นิตยสาร อริยะ สร้างได้ สาริกา ปีที่ 9 ฉบับที่ 84
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น